หนุ่มป่วยติดเตียง วอนช่วย! ตกเป็นเหยื่อบัญชีม้า ถอนเงินหมื่นไม่ได้

หนุ่มป่วยติดเตียง วอนช่วย! ตกเป็นเหยื่อบัญชีม้า ถอนเงินหมื่นไม่ได้

View icon 191
วันที่ 12 ต.ค. 2567 | 10.41 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
หนุ่มป่วยติดเตียง วอนช่วย! หลังเสียรู้ ตกเป็นเหยื่อร่วมขบวนการบัญชีม้า จนถูกตำรวจอายัดบัญชี ถอนเงินหมื่นไม่ได้

12 ต.ค. 67 เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ผ่านมา นายชินกร แก่นคง นายอำเภอเมืองขอนแก่น พร้อมด้วยนายพงศ์ธร พิศาพิทักษ์กุล นายกเทศมนตรีตำบลพระลับ,นายวินัย ทองทัพ กำนัน ต.พระลับ,นายนิทัสน์ บุญพร้อม ผญบ.ม.9 บ.เลิงเปือย,พ.ต.ท.จิรัฐเกียรติ ศรวิเศษ รอง ผกก.ฯหน.สภ.ย่อยพระลับ และเจ้าหน้าที่ จาก ทต.พระลับ ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่บ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่ หมู่ 9 ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น

โดยพบกับนายวัชกร อายุ 39 ปี ซึ่งเข้าร้องเรียนต่อเทศบาลตำบลพระลับ ว่า ไม่สามารถถอนเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ 10,000 บาท ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการได้ รวมทั้งเงินอุดหนุนคนพิการที่ได้รับการจัดสรรก็ไม่สามารถถอนเงินมาใช้ได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งอายัดบัญชีและดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกง หลังตกเป็นเหยื่อร่วมขบวนการเปิดบัญชีม้า

นายวัชกร กล่าวว่า หลังป่วยเป็นผู้ป่วยติดเตียงก็พยายามที่จะหารายได้ช่วยเหลือครอบครัว ด้วยการหางานหรือค้นหาข้อมูลที่จะมีรายได้เสริมมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน จนกระทั่งไปเข้าไปพูดคุยกับเพจแห่งหนึ่งเรื่องเทรดหุ้น และร่วมลงทุน โดยระบุว่าเพียงแค่เปิดบัญชีร่วมลงทุนก็ได้รับเงินแล้ว จึงชวนน้องสาวมาร่วมด้วย จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่อ้างว่ามาจากธนคารแห่งหนึ่ง มาถึงบ้านทำการสแกนใบหน้าและจัดเก็บข้อมูล รวมถึงเอกสารต่าง ๆ ทั้งตนเองและน้องสาว ซึ่งเมื่อทำการเปิดบัญชีเสร็จ ก็ได้รับเงินค่าตอบแทนทันที 300 บาท จากนั้นเจ้าหน้าที่ธนาคารหรือเพจที่ชักชวนลงทุนก็ไม่สามารถติดต่อใด ๆ ได้ จนกระทั่งเมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ได้มีหมายเรียกจาก สภ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี ส่งมาถึงตนเองและน้องสาว โดยระบุว่าเป็นผู้ต้องหาร่วมขบวนการฉ้อโกง หรือบัญชีม้า

“ด้วยความกลัว คุณแม่จึงไม่รับหมาย และไม่ติดต่อใด ๆ ตามเอสการที่ได้รับเพราะไม่รู้ว่าจะเป็นตำรวจริงหรือไม่ จากนั้นก็ค้นหาชื่อตนเองในโลกออนไลน์ก็พบว่าชื่อตนเองนั้นถูกระบุว่าเป็นบุคคลอันตราย ห้ามโอนเงินให้ หรือร่วมทำธุรกรรมใด ๆ ทั้งที่ตนเองไม่ได้ทำอะไรเลย และน้องสาวก็ไม่ได้ทำอะไร ทุกวันนี้เดือดร้อนมาก จากการตกเป็นเหยื่อของขบวนการบัญชีม้า ทั้งในเรื่อของคดีความที่ไม่สามารถเดินทางไปพบตำรวจเพราะป่วยติดเตียง อีกทั้งบัญชีธนาคารออมสิน ที่รับเงินคนพิการเดือนละ 800 บาท และเงิน 10,000 บาทที่ได้รับก็ไม่สามารถถอนมาใช้จ่ายใด ๆ ได้ เคยให้คุณแม่ไปติดต่อที่ธนาคาร และพยามยามที่จะติดต่อไปธนาคารทางโทรศัพท์ ก็ได้รับคำตอบว่าไม่สามารถถอนเงินได้เพราะบัญชีถูกตำรวจอายัดไปแล้ว

รวมทั้งน้องสาว ที่ต้องรับเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดก็ไม่สามารถถอนเงินได้เช่นกัน เพราะตกเป็นเหยื่อบัญชีม้าและถูกอายัดบัญชีไปด้วย จึงอยากแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าตกเป้นเหยื่อบัญชีม้า เป็นผู้ป่วยติดเตียงไม่ได้ไปหลอกใคร และต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือให้ได้รับเงินเพื่อมาซื้อแพมเพิร์ส มาซื้อยา มาใช้จ่ายในครอบครัว เพราะมีเพียงคุณแม่ที่เป็นเสาหลักหาเงินมาเลี้ยงตนเองและน้องสาว ซึ่งน้องสาวไม่กล้าออกไปไหน เพราะรู้ว่าตนเองกำลังถูกตำรวจจับกับสิ่งที่ตกเป็นเหยื่อด้วย”

ขณะที่นายชินกร แก่นคง นายอำเภอเมืองขอนแก่น กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงในเบื้องต้นพบว่า เจ้าตัวมีคดีจริง ซึ่งได้ประสานงาร่วม สภ.ย่อยพระลับ ประสานงานกับร้อยเวรเจ้าของคดี เนื่องจากนายวัชรกร เป็นผู้ป่วยติดเตียงและแสดงตนว่าตกเป็นเหยื่อของขบวนการบัญชีม้า ซึ่งต้องแยกเป็นแต่ละเรื่องในทางคดีไป เพื่อนำไปสู่การได้รับสิทธิ์ตามที่รัฐบาลได้มอบให้กับผู้พิการและกลุ่มเปราะบาง ซึ่งทราบว่าเงิน 10,000 บาท และเงินคนพิการนั้นมีกรโอนเข้าบัญชีธนาคารแล้ว แต่ไม่สามรถถอนเงินมาใช้จ่ายได้ด้วยข้อกฎหมาย ขณะที่เงินคนพิการนั้นได้มอบให้เทศบาลฯ แก้ไขเรื่องการรับเงินคนพิการตามกรอบอำนาจหน้าที่ ดังนั้นคณะทำงานแก้ไขปัญหาร่วมระหว่างเทศบาลฯ,ตำรวจและฝ่ายปกครองและธนาคารจะประสานการทำงานร่วมกันทุกฝ่าย

ขอย้ำเตือนประชาชนว่าของฟรี ของถูก นั้นต้องตรวจสอบให้ดี และตรวจสอบให้ชัดเจนเพื่อป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของการถูกหลอกแบบผู้ป่วยติดเตียงรายนี้ เพราะการอายัดบัญชี ตำรวจต้องอายัดทั้งหมดไม่ว่าคุณจะมีบัญชีอะไรบ้าง ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางกฎหมายก็ต้องสอบเจตนาตามขั้นตอนของตำรวจ ซึ่งจะต้องละเอียด รัดกุมและรอบคอบ

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมีความชัดเจนและปราถนาดีในการสนับสนุนเงิน 10,000 บาท เพื่อให้กลุ่มคนพิการและกลุ่มเปราะบาง ได้นำมาใช้จ่าย มากระตุ้นเศรษฐกิจในระดับพื้นที่ ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นกรณีตัวอย่างที่อำเภอจะเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง