เปิดเบื้องหลังเครือข่าย บอสพอล

View icon 36
วันที่ 15 ต.ค. 2567 | 16.41 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - สายไหมต้องรอด พาพยานคนสำคัญให้ข้อมูลตำรวจ แฉ “บอสพอล” ใกล้ชิดผู้ใหญ่ระดับสูงในรัฐบาล เซ่นไหว้ “เทวดา” 4 หน่วยงาน ระดับหมื่นล้านบาท

นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อเหตุเพจสายไหมต้องรอด ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุว่า ช่วงที่ผ่านมามีผู้เสียหายร้องเรียนมาเยอะ แต่มีคนหนึ่งที่ทักมาในเพจสายไหมต้องรอด และมีความน่าสนใจมาก เขาบอกว่าเคยอยู่ในเครือข่ายของดิไอคอน เคยร่วมทำตั้งแต่สมัยก่อตั้งดูแลระบบหลังบ้านต่าง ๆ

เบื้องต้นเขามีข้อมูลว่าบริษัทนี้ รวมถึงบอส มีความใกล้ชิดกับผู้ใหญ่ระดับสูงในรัฐบาล มีการดูแล โดยใช้คำว่า “เทวดา” มีการเซ่นไหว้เทวดา ใช้เงินสดฟอกแปลงเป็นสกุลเงินดิจิทัล มีหลักฐานว่ามีการไปเบิกถอนเงินสดที่ไหน แล้วไปแลกเป็นเงินดิจิทัลที่ไหน

ส่วนกรณี บอสพอล การที่มีคลิปหลุดออกมา เชื่อว่าไม่ได้มาจากฝั่งที่ไปเรียกรับผลประโยชน์ หลุดมาจากฝั่งไหนน่าจะรู้ดี วันนี้เทวดาไม่ปลื้มแล้ว เพราะเขากังวลว่าการเจรจานั้นต้องมีการบันทึกเสียง และการที่คุณหายไป เขาจะปลอดภัย วันนี้ต้องมาร่วมมือกันให้ข้อมูลว่าใครเรียกรับเงิน หรืออยู่เบื้องหลังให้ทำธุรกิจแบบนี้

เมื่อถามว่า เทวดาเป็นคนพรรคการเมืองไหน นายเอกภพ บอกว่า ถ้าพูดพรรคก็รู้เลย พูดไม่ได้ แต่ถ้าบอกว่าเทวดาชอบสีไหน มันผสมหลายสี ไม่ได้มีสีเดียว ฝากบอกผู้ใหญ่ในรัฐบาล ทั้งรัฐบาลก่อน และรัฐบาลปัจจุบัน ให้หยุดการกระทำ ฝากถึงผู้ใหญ่ใน สคบ. ด้วยว่า ทำอะไรอยู่ ถ้าเขาเปิดขึ้นมา ระวังจะหงายกันหมด รวมถึงตำรวจบางหน่วยงานที่รับเครื่องเซ่นอยู่ให้หยุดกระทำ

เมื่อถามว่าเทวดาคนนี้ยังเป็นรัฐบาลอยู่หรือไม่ นายเอกภพ บอกว่า ตอบไม่ได้ แต่เทวดามีอำนาจมาก ก่อนหน้านี้เขาให้รัฐมนตรีคนหนึ่งเป็นหน้าเสื่อคอยคุย เทวดาคนดังกล่าวเป็นผู้ชาย เทวดาชอบกินเงินดิจิทัล ข้อมูลทั้งหมดจะให้ไว้ที่ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ส่วนพยานตอนนี้อันตรายมาก

นายเอกภพ บอกอีกว่า มีข้อมูลว่าสมาชิกในเครือข่ายดิไอคอน เมื่อปี 2565 มีสมาชิกเกือบ 500,000 คน ตนเองมีข้อมูลว่า ในปี 2556-2567 หลังมีดาราเข้ามาร่วมโพรโมตน่าจะมีจำนวนสมาชิกเพิ่มขึ้นอีกเยอะ และตนเองมีหลักฐานว่ามีการจ่ายเงินให้แม่ทีม เมื่อมีการเปิดบิล ซึ่งต้องรอตำรวจขยายผล 

ด้านสายลับที่มาร้องเรียน ระบุว่า ตอนนี้เอาข้อมูลให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเส้นเงินแล้ว กับบุคคลบางคน ส่วนที่ตัดสินใจมาให้ข้อมูลเพราะว่าไม่ชอบให้สังคมโดนเอาเปรียบ ผู้สื่อข่าวถามว่า ทางบอสมีการจ่ายเงินให้เทวดาต่อเดือนเยอะหรือไม่ สายลับระบุว่าจ่ายเทวดาตั้งแต่ปี 2563 รวมแล้วประมาณหมื่นล้าน เงินที่จ่ายไปทั้งหมด เทวดาเขาจะคุ้มครองช่วยเหลือดูแล 4 หน่วยงานหลัก ๆ

ผู้สื่อข่าวถามว่า เวลาเปลี่ยนรัฐบาลแล้วตัวเทวดาเปลี่ยนด้วยหรือไม่ สายลับบอกว่าเทวดายังเป็นตัวเดิม แต่ว่าตอนนี้เทวดาไม่มีอำนาจแล้ว

ขณะที่ บอสพอล วรัตน์พล วรัทย์วรกุล เจ้าของบริษัทดิไอคอนกรุ๊ป โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ขอวิงวอนสื่อลบคลิปที่ผิดกฎหมายทั้งหมด เพราะทำให้เกิดความเสียหายต่อบุคคลอื่น ผมรู้สึกผิดมากที่มีคนพาดพิง ไปที่นักการเมือง ส. ผมเองรู้สึกแย่มากที่ต้องทำให้ท่านต้องมาเดือดร้อน

ผมขอบอกเลย ไม่เคยให้เงินนักการเมือง ส. ตามที่ข่าวออกเลยแม้แต่บาทเดียว และคลิปนั้นเก่ามากแล้วหลายปีแล้วไม่ต่ำกว่า 2-3 ปี ที่บอกจะให้เป็นรายเดือนก็เป็นเพียงแนวคิดจะให้มาเป็นที่ปรึกษาบริษัทเพียงเท่านั้น โดยสุดท้ายก็ไม่มีการว่าจ้าง หรือโอนเงินให้เลย ดังนั้นข่าวที่บอกว่าผมโอนเงินให้รายเดือนนั้น ไม่เป็นความจริงแต่ประการใด ผมเองมานอนคิดแล้วรู้สึกว่าทำให้ ท่าน ส. นั้นเสียหายอย่างมาก จึงควรต้องออกมาชี้แจง

ผมขอกราบเท้าขอโทษท่านมา ณ ที่นี้ด้วยครับ ที่ทำให้ท่านเสียหาย ในการให้สัมภาษณ์ ในรายการโหนกระแส ผมต้องกราบขอโทษ ท่านอีกครั้ง ผมขอยืนยันไม่เคยโอนเงิน ไม่เคยให้เงิน หรือสินทรัพย์ใด ๆ แก่ท่านเลย เพียงแต่ในช่วงเวลานั้น ๆ จะติดต่อให้ท่านมาเป็นที่ปรึกษาบริษัทก็เท่านั้น แต่ด้วยช่วงเวลาไม่ตรงกัน จึงไม่ได้เชิญท่านมาแต่อย่างใด

ท้ายสุดนี้ ผมขอวิงวอนสื่อมวลชนทุกสื่อ ช่วยลบคลิปนั้นออกด้วยเพราะมันทำให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคลอื่น และไม่มีเนื้อหาความเป็นจริง ตามที่สื่อนำเสนอเลยแม้แต่นิดเดียว

ดังนั้นผมจึงขอความกรุณา ให้ทุกคน ทุกแพลตฟอร์ม ลบคลิปทั้งหมดที่มิชอบด้วยกฎหมาย ภายในวันที่ 18 ตุลาคม 2567 ก่อนเวลา 23.59 น. มิเช่นนั้นจะดำเนินคดีตามกฎหมาย เรื่องดักฟัง และนำข้อมูลไปเผยแพร่ มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 1 แสนบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้นไม่นาน ทีมงานเข้าไปดูในเฟซบุ๊กของบอสพอล ปรากฏว่าลบโพสต์ทิ้งไปแล้ว

นักข่าวนำเรื่องคลิปเสียงนักการเมือง ส. ที่อยู่ในพรรคพลังประชารัฐ ไปสอบถาม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แต่ พลเอกประวิตร ส่ายหัวไม่ตอบคำถาม บอกเพียงแค่ว่า เดี๋ยวโฆษกพรรคพลังประชารัฐจะเป็นผู้ชี้แจง

ขณะที่ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยอมรับว่า พรรคเป็นห่วงเรื่องนี้ เรื่องคลิปเสียงต้องไปตรวจสอบ เพราะตอนนี้ยังไม่มีการยืนยันว่าเป็นเสียงของใคร ทั้งนี้ต้องดูว่าเหตุการณ์ตามคลิปเสียงเกิดขึ้นช่วงใด เป็นช่วงที่บุคคลดังกล่าวมีตำแหน่งหน้าที่ทางราชการ หรือ เป็นบุคคลธรรมดาที่หลอกลวงต้มตุ๋นกันเอง ไม่เกี่ยวข้องกับการใช้อำนาจหน้าที่

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ต่อสายพูดคุยกับคนในพรรค และไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน ซึ่งต้องยอมรับว่าเขาเพิ่งกลับมาอยู่ที่พรรคพลังประชารัฐได้ไม่นาน เพราะเคยถูกขับออกไปครั้งหนึ่ง ก่อนจะกลับมาช่วยงานในพรรคอีก ต้องไปตรวจสอบว่า ทำผิดจริงไหม ต้องให้ความเป็นธรรมกับเขา รวมถึงขอให้ความเป็นธรรมกับพรรคพลังประชารัฐด้วย เพราะไม่เกี่ยวกับพรรค เป็นเรื่องส่วนบุคคล อาจจะทำมาก่อนที่จะเข้ามาอยู่ในพรรค แต่ยืนยันว่าเรื่องคลิปเสียงทางพรรคจะตรวจสอบเรื่องนี้ตามขั้นตอนและข้อบังคับพรรค ขอให้มั่นใจว่าพรรคจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา แต่ขอให้ข้อเท็จจริงยุติก่อน ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่ได้คุยกับ พลเอกประวิตร แต่คงทราบเรื่องนี้แล้ว

พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยกับถึงกรณีที่มีคลิปเสียงเรียกรับผลประโยชน์จาก บอสพอล จากบุคคลที่เชื่อว่าเป็นถึงนักการเมืองคนหนึ่ง โดยตำรวจได้ส่งคลิปเสียงไปตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อพิสูจน์ว่าเสียงในคลิปเป็นเสียงมนุษย์ หรือเสียงสังเคราะห์ AI รวมถึงเป็นเสียงตัดต่อหรือไม่

ส่วนกรณีที่ นายพอล ยอมรับในรายการว่า คลิปเสียงที่หลุดออกมานั้นเป็นของจริง และมีการเรียกรับจากเจ้าหน้าที่รัฐจริง จะต้องเชิญ นายพอล มาให้ข้อมูลว่าประสงค์ที่จะแจ้งความดำเนินคดีหรือไม่ เบื้องต้นจะเป็นการติดต่อพูดคุยอย่างไม่เป็นทางการ แต่ยังไม่มีกำหนดเวลาที่แน่ชัด

สำหรับกรณีที่ในคลิปเสียง มีการพูดถึงองค์กรเทวดา จะสามารถเข้ามาให้การช่วยเหลือกลุ่มธุรกิจดังกล่าวได้ โดยจะต้องมีการบูชาเทวดานั้น เป็นเพียงข้ออ้างเปรียบเปรยของมนุษย์ ที่ทุจริตเรียกรับผลประโยชน์ โดยส่วนนี้ต้องไปจับกุมมาดำเนินคดีอย่างไม่มีข้อละเว้น

ขณะที่เมื่อวานนี้ (14 ต.ค.) พ.ต.อ.ประทีป เจริญกัลป์ อดีตรองเลขา สคบ. ที่มาออกรายการถกไม่เถียง ระบุถึงกรณีคลิปเสียงคล้าย “บอสพอล” คุยนักการเมือง อ้างแต่งตั้ง “ประทีป” มาเดินตามได้ โดยยอมรับว่าผู้บริหาร สคบ. มีชื่อ “ประทีป” เดียว ก็คือตนเอง แต่ไม่มีพาวเวอร์จะดันใครได้ และตนเองมาด้วยความสามารถ

ขณะที่ล่าสุดเพจ อีซ้อขยี้ข่าว มีการเผยแพร่คลิปเสียงใหม่ โดยระบุข้อความประกอบว่า “ประชุมลับเพื่อวางแผนกับแม่ข่ายและบรรดาบิ๊กบอส” โดยเนื้อหาในคลิป บุคคลที่คาดว่าเป็น “บอส” พยายามพูดปลุกใจให้ทุกคนออกมาแสดงพลัง ตอบโต้กรณีถูกกล่าวหาว่าหลอกลวง และบางช่วงมีการพูดถึง “บอสท่านต่าง ๆ” ที่มีชื่อคล้ายศิลปินดารา