เร่งตรวจสอบคลิปเสียงในโทรศัพท์ บอสพอล

View icon 18
วันที่ 20 ต.ค. 2567 | 20.07 น.
ข่าวภาคค่ำ
แชร์
ข่าวภาคค่ำ - ตำรวจเร่งตรวจสอบคลิปเสียงนักร้อง นักการเมือง ที่อยู่ในโทรศัพท์มือถือบอสพอล หาตัวผู้เกี่ยวข้องคดีมหากาพย์ ดิไอคอน กรุ๊ป หลังคนขับรถส่วนตัวบอสพอล นำหลักฐานมาให้ตำรวจ ส่วนทรัพย์สินยอดล่าสุด รวม 225 ล้านบาท

ตำรวจสอบสวนกลาง ยึดทรัพย์สินในคดีดิไอคอน กรุ๊ป รวม 225 ล้านบาท ได้แก่ รถยนต์ 29 คัน, บ้านและที่ดิน 3 แปลง, เงินสด 7,524,000 บาท, ทรัพย์สินมีค่าอื่น ๆ เช่น นาฬิกา และของแบรนด์เนม 151 รายการ และอาวุธปืน 2 กระบอก

ด้านพลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. เปิดเผยการดำเนินการเรื่องคลิปเสียง หลัง “นายเอก” คนขับรถส่วนตัว “บอสพอล” ติดต่อส่งมอบโทรศัพท์มือถือ 1 ใน 2 เครื่องของ “บอสพอล” ที่ใช้บันทึกข้อมูลงานกิจกรรมต่าง ๆ และอัดเสียงเวลาที่ถูกบุคคลอื่นข่มขู่เรียกรับเงิน มามอบให้ตำรวจเมื่อเย็นวานนี้ (19 ต.ค.) โดยตำรวจจะนำโทรศัพท์เครื่องหลักที่ตรวจยึดได้ก่อนหน้า และเครื่องใหม่ที่เพิ่งนำมาส่งมอบให้ตำรวจ บก.ปอท. ตรวจวิเคราะห์ข้อมูลภายในเครื่องใน คาดว่าต้องใช้เวลานาน เนื่องจากยังไม่มีบุคคลใกล้ชิดที่ทราบรหัสเปิดเครื่อง จึงยังไม่สามารถตรวจสอบข้อมูลได้

ขณะที่ยอดผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความ ระหว่างวันที่ 10-20 ตุลาคม มีจำนวนผู้เสียหายที่สอบปากคำแล้ว 2,875 ราย มูลค่าความเสียหาย รวม 979 ล้านบาทเศษ ส่วนศูนย์รับแจ้งความร้องทุกข์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สรุปยอดผู้เสียหายที่เข้าให้ปากคำในคดี “ดิไอคอน กรุ๊ป” รวมทั้งสิ้น 5,648 คน มูลค่าความเสียหาย 1,611 ล้านบาทเศษ

และวันนี้มีผู้เสียหายเป็นชาวต่างชาติเข้าแจ้งความ คือ นายเค เป็นชาวมาเก๊า อายุ 70 ปี มาหาตำรวจ บก.ปคบ. หลังหลงเชื่อทำธุรกิจ เปิดไป 2 บิล เสียเงินไปกว่า 250,000 บาท ช่วงปลายปี 2566 ผู้เสียหายบอกอีกว่าหลังลงทุนก็ได้สินค้าไม่ครบ อย่างเช่น กาแฟ ปกติจะได้ 100 ซอง แต่กลับได้ 20 ซอง พอทวงถามทางแม่ข่ายก็ได้รับคำตอบว่าสินค้าขาดตลาด กระทั่งเรื่องนี้เป็นข่าวดังเลยมาติดต่อเพื่อนที่ประเทศไทยเพื่อเข้าแจ้งความเอาผิด

นอกจากนี้ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง พร้อม นายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะที่ปรึกษานายกสภาทนายความ พาผู้เสียหายคดีดิไอคอน กรุ๊ป เข้าปรึกษาสภาทนายความฯ ขอความช่วยเหลือในการฟ้องแพ่งแบบกลุ่ม เป็นคดีคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อให้ผู้เสียหายไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการจ้างทนายความ รวมถึงหาแนวทางช่วยเหลือผู้เสียหายที่อยู่ต่างจังหวัด โดยการฟ้องคดีแบบกลุ่มเพื่อผลประโยชน์สาธารณะจะไม่มีค่าใช้จ่าย และทาง สภาทนายความ มีทนายความอาสากว่า 10,000 คน ช่วยเหลือพอกับประชาชน แต่หากผู้เสียหายคนใดมีทนายความอยู่แล้ว ก็สามารถดำเนินการเองได้ ซึ่งข้อดีการฟ้องคดีแพ่ง คือไม่ต้องรอผลพิพากษาของคดีอาญา ทำให้รับการเยียวยาได้เร็วกว่า ยกเว้นบางกรณีที่ข้อเท็จจริงเกี่ยวเนื่องจากคดีอาญา ก็อาจต้องรอให้คดีอาญาสิ้นสุด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง