งานเลี้ยงพรรคร่วมรัฐบาลชื่นมื่น

View icon 34
วันที่ 22 ต.ค. 2567 | 06.24 น.
เช้านี้ที่หมอชิต
แชร์
เช้านี้ที่หมอชิต - เมื่อช่วงค่ำวานนี้ นายกรัฐมนตรีเชิญแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลรับประทานอาหารค่ำ เป็นครั้งแรก ตั้งแต่รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี บรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น ท่ามกลางกระแสข่าวว่า นายกรัฐมตรีต้องการปรับความเข้าใจกับพรรคภูมิใจไทยที่ยังเห็นต่างเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ

งานเลี้ยงพรรคร่วมรัฐบาลชื่นมื่น
งานเลี้ยงเมื่อวานนี้จัดขึ้นที่โรงแรม โรสวูด ของ "คุณเอม" พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ พี่สาวของนายกรัฐมนตรี มีแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลมากันครบ

ร่วมทั้งพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งหัวหน้า และ เลขาธิการพรรค ก็มาด้วยตัวเอง หลายคนแซวว่า อาหารน่าจะไม่ค่อยถูกปากคุณเฉลิมชัย เพราะดูไม่ค่อยแฮปปี้ หรืออาจเป็นเพราะ ไปร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของพรรคประชาธิปัตย์

ยังมี นางสาวนฤนล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรคกล้าธรรม และ นายอิทธิ ศิริลัทธยากร ไปร่วมงานน่าจะเป็นตัวแทนกลุ่มของ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า

หลายคนจับตาว่า นายกรัฐมนตรี และ แกนนำพรรคเพื่อไทย จะจับเข่าคุยกับ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เคลียร์ประเด็นที่เห็นต่าง เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่

จากภาพที่เห็น ในห้องรับรอง นายกรัฐมนตรีนั่งตรงกลาง ซ้ายมือ เป็นคุณอนุทิน ขวามือ เป็นคุณภูมิธรรม ทั้ง 3 คน พูดคุยกันอย่างเป็นกันเอง ไม่มีอาการเคร่งเครียด เชื่อว่าน่าจะยังไม่ได้มีการคุยเรื่องนี้ แต่หลังจากปิดห้องรับประทานอาหารกันแล้ว ไม่รู้ว่าบรรยากาศในห้องจะเป็นอย่างไร เพราะไม่ให้สื่อเข้าถ่าย

ขณะที่ก่อนหน้านี้ คุณสรวงค์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เชื่อว่า ความเห็นต่างในพรรคร่วมรัฐบาลจะไม่สร้างรอยร้าว เพราะแต่ละพรรคก็มีเป้าหมายในการทำงานที่แตกต่างกัน แต่เชื่อว่าทุกเรื่องสามารถคุยและตกลงกันได้

นายกฯ ไม่กังวล กกต.สอบปม ทักษิณ ครอบงำพรรค 
ส่วนกรณี กกต. สั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน คำร้องว่า นายทักษิณ ชินวัตร เข้าข่าย ครอบครอง ครอบงำ สั่งการพรรคเพื่อไทย นายกรัฐมนตรีพูดถึงประเด็นนี้ครั้งแรกสั้น ๆ ว่า " ไม่กังวลค่ะ" เท่านั้นเลย ก็ต้องรอติดตามหลังการประชุม ครม. วันนี้ว่านายกรัฐมนตรี จะพูดเรื่องนี้อีกว่าอย่างไรบ้าง

แต่ที่คุยกันแบบจริงจังในโต๊ะดินเนอร์ คือ ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และการแก้ไข รธน. มีทั้งเห็นตรงและเห็นต่าง แต่ยืนยันไม่ทะเลาะ เพียงต้องแลกเปลี่ยนความ ตกลงกันได้ แต่ขอพูดแค่นี้ เพราะมีความเซนซิทีฟ แต่ยืนยันไม่แตะต้อง หมวด 1 และ หมวด 2  มาตรา 112 ที่เป็นความเห็นพ้องต้องกัน