แม่-แฟน เข้าเยี่ยม "มิน พีชญา"

View icon 108
วันที่ 22 ต.ค. 2567 | 16.42 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - วันนี้เป็นวันแรก ที่มีการเปิดให้เยี่ยมผู้ต้องหาคดีดิไอคอนกรุ๊ป เฉพาะผู้ต้องขังหญิงที่ถูกแยกไป ควบคุมตัวภายในทัณฑสถานหญิงกลาง ส่วนด้านฝั่งชายมี "บอสพอล" เข้ามาทีหลัง ทำให้ต้องกักโรค เพิ่มขึ้นอีก 1 วัน ยังไม่เปิดเข้าเยี่ยม

แม่ - แฟน เข้าเยี่ยม "มิน พีชญา"
บรรยากาศที่หน้าทัณฑสถานหญิงกลาง เมื่อเช้านี้ มีญาติของผู้ต้องขังรายอื่น บอกผู้สื่อข่าวว่า พบเห็น แม่และแฟนหนุ่มของ บอสมิน พีชญา รอเข้าเยี่ยมในช่วงเวลา 10.00 น.

เปิดเยี่ยม "บอสหญิง" วันแรก
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวได้เห็นหญิงลักษณะคล้ายญาติของ นางสาวนัฐปสรณ์ หรือ บอสสวย คนเดียวกับที่เคยเข้ามาที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางในวันที่มีการจับกุมตัว เดินออกมาจากทัณฑสถานหญิงกลาง แต่เมื่อผู้สื่อข่าวเข้าไปสอบถามว่าการเข้าเยี่ยมเป็นอย่างไรบ้าง ก็ไม่มีการตอบคำถามใด ๆ

ผู้สื่อข่าวจึงโทรศัพท์หา นายธนบดี ทนายความบอสสวย เผยว่า ยังไม่ได้พูดคุยกับญาติของบอสสวย ว่าจะมีการเข้ามาเยี่ยมในวันนี้เลยหรือไม่ แต่เท่าที่ทราบ วันนี้ สำนักงานของ นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของบอสพอล มีการส่งทีมงานเข้ามาเยี่ยมแล้ว

"มิน พีชญา" เริ่มปรับตัวดีขึ้น
ด้าน นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผู้อำนวยการกองทัณฑวิทยา รักษาราชการแทนผู้อำนวยการทัณฑสถานหญิงกลาง เผยว่า กระบวนการหลังจากกักโรคครบ 5 วัน จะมีการนำตัวผู้ต้องขังทั้งหมด ย้ายไปอยู่ที่แดนระหว่างพิจารณาคดี เบื้องต้นสุขภาพของผู้ต้องขังหญิงในคดีนี้ ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง มีเพียงบางคน ที่ต้องพบแพทย์ด้วยอาการเล็กน้อย เช่น ตาแห้ง มีไข้

ส่วนตัว บอสมิน พีชญา ก็ไม่มีการร้องขออะไรเป็นพิเศษ เรื่องความเครียดสามารถปรับตัวได้ดีขึ้น แต่ไม่ถึงกับปกติทั้งหมด เพราะการเข้ามาอยู่ตรงนี้ต้องใช้เวลาปรับตัว

เผยญาติ 3 บอสหญิง เข้าเยี่ยมวันแรก
โดยระหว่างนี้ทนายความสามารถเข้ามาเยี่ยมได้ทุกวันและไม่จำกัดเวลา ส่วนทางญาติจะสามารถเข้าเยี่ยมได้วันละ 1 ครั้ง ครั้งละ 15-20 นาที หรือจองผ่านทางออนไลน์ผ่านทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ได้เดือนละ 1 ครั้ง โดยวันนี้ก็มีญาติทั้งหมด 3 คน ติดต่อเข้ามาเยี่ยมผู้ต้องขัง ซึ่งไม่สามารถแจ้งได้ว่าเป็นใคร เพราะจะกระทบกับสิทธิ์ของผู้ต้องขัง

ชี้แจงควบคุมตัว "บอสดิไอคอนฯ"
สำหรับการดูแลผู้ต้องหาระหว่างพิจารณาคดี นางกนกวรรณ เปิดเผยว่า จะมีความแตกต่างกับการดูแลผู้ต้องขังเด็ดขาด ทั้งเรื่องทางกายภาพ คือ จะมีการแยกกันอยู่ ไม่ปะปนกัน และผู้ต้องขังระหว่างพิจารณาคดี ผู้หญิงสามารถไว้ผมยาวได้ เพียงแต่ให้มัดรวบเรียบร้อย หรือหากร้อน และอยากตัดผม ก็สามารถตัดได้เช่นกัน

ส่วนผู้ต้องขังชาย เท่าที่มีการประสานกับทางเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ทราบว่า คนที่ป่วย เช่น บอสวิน ที่เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว จะได้รับการตรวจ และรับรักษาจากแพทย์อย่างต่อเนื่อง ส่วนจะต้องย้ายไปที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์หรือไม่ ณ เวลานี้ยังตอบไม่ได้ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแพทย์

เปิดเยี่ยม "บอสชาย" วันแรก 24 ต.ค.
ส่วนของบอสชายทั้งหมดนั้น เนื่องจากมี บอสพอล ที่เข้ามาทีหลัง ทำให้มีทั้งหมดต้องกักโรคเพิ่มอีก 1 วัน ตามกำหนดแล้วจะสามารถเข้าเยี่ยมได้ในวันพรุ่งนี้ แต่เนื่องจากพรุ่งนี้เป็นวันหยุดราชการ จึงจะยังเยี่ยมไม่ได้ จะเริ่มเข้าเยี่ยมวันแรกได้ในวันที่ 24 ตุลาคม

ไม่จริง ! "บอสกันต์" ขอพบหมอกลางดึก
ทั้งนี้ นายปราโมทย์ ทองศรี ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านทัณฑวิทยา รักษาราชการแทน ผบ.เรือนจำพิเศษ กรุงเทพฯ ได้ปฏิเสธกระแสข่าวที่ นายกันต์ กันตถาวร หรือ บอสกันต์ มีอาการน่าเป็นห่วง จนต้องขอพบแพทย์กลางดึก ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพียงอยู่ในระหว่างการปรับตัวเท่านั้น

คดี "ดิไอคอนฯ" ยังไม่ออกหมายจับเพิ่ม
ส่วนความคืบหน้าคดี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. กล่าวว่า อยู่ระหว่างการขยายผลและสอบสวน รวมถึงตรวจสอบเส้นทางการเงิน โดยวันนี้จะตรวจค้น 11 จุด ของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งพนักงานและคนใกล้ชิด ยังไม่รวมถึงกลุ่มเครือญาติของผู้ต้องหาทั้ง 18 คน

สำหรับหมายจับล็อต 2 ก็อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งจะไปสอดคล้องการตรวจค้น 11 จุด หากพบหลักฐานชัดเจน ก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ยืนยันว่า ถ้าผลการสอบสวนและหลักฐานพาดพิงไปถึงใคร หรือ ระดับใดก็ตาม ก็ต้องถูกดำเนินคดีทั้งหมด

มื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ภรรยาของนายกันต์ มีรายชื่ออยู่ในหมายจับล็อต 2 ด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ตอบว่า ขณะนี้ยังไม่พบในรายชื่อ และยังไม่พบว่ามีการเดินทางออกนอกประเทศ

ผบ.ตร.เตือนแก๊งปล่อยข่าวทำสับสน
ส่วนกระแสข่าวที่ผู้ต้องหา มีการแปลงสกุลเงินดิจิทัลนั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า เรื่องนี้ได้มีการสอบปากคำ และก็ตรวจสอบโดย บก.ปปป. อยู่แล้ว และอยากเรียนว่า บุคคลที่มีชื่อเสียง หรืออินฟลูเอนเซอร์ต่าง ๆ ควรจะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ก่อนจะนำข้อมูลเหล่านั้นออกมาเผยแพร่ เพราะจะทำให้ประชาชนเกิดความไขว้เขวว่า ทำไมเจ้าหน้าที่รัฐถึงปล่อยให้มีการถ่ายโอนทรัพย์สิน

อายัดทรัพย์ รวม 400 ล้านบาท
นอกจากนี้ ผู้สื่อข่าวยังได้สอบถามถึงกรณีที่ บอสพอล โอนเงินเข้าบัญชีให้พระผู้ใหญ่ 1 ล้านบาท พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า กรณีนี้ต้องตรวจสอบอย่างละเอียดรอบคอบ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง แต่หากเงินดังกล่าว เป็นเงินต้องสงสัยก็สามารถอายัดได้

เบื้องต้น ในส่วนของตำรวจ มีการยึดทั้งอสังหาริมทรัพย์ รถยนต์และทรัพย์สินอื่นๆ ของผู้ต้องหาทั้ง 18 คน ในขณะนี้กว่า 400 ล้านบาทแล้ว

ขณะเดียวกัน ทราบว่า หลังตรวจค้น 11 จุด  ตำรวจได้ทยอยนำรถหรู เข้ามายัง กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพิ่มเติมอีก 3 คัน โดยมีกระดาษที่เจ้าหน้าที่ ระบุว่า เป็นรถยนต์ของกลางคดีดิไอคอนกรุ๊ป ที่ตำรวจกำลังขยายผลตรวจสอบเพิ่ม ส่งผลให้ตอนนี้ ยึดรถมาได้แล้ว 33 คัน

แจ้งความเฉียด 7 พันคน เสียหาย 2 พันล้านบาท
สำหรับยอดรวมผู้เสียหายทั่วประเทศ ที่เข้าแจ้งความที่ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจ สอบสวนกลาง และสถานีตำรวจท้องที่ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 10-21 ตุลาคม พบมีประชาชนเดินทางเข้าแจ้งความ ทั้งสิ้น 6,979 คน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 2,046 ล้านบาท

"ทนายตั้ม" แฉคลิปเสียง "ท่านประธาน ส."
ขณะเดียวกัน เมื่อวานนี้ (21ต.ค.) ช่วงค่ำ เพจเฟซบุ๊ก ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงาน ทนายประชาชนฯ ได้ลงคลิปเสียงสนทนาของบุคคล 2 คน พร้อมระบุข้อความ "คลิปเสียงท่านประธาน กับ พยานที่เป็นผู้ติดตาม"

คลิปบทสนทนานี้ มีความยาวเกือบ 10 นาที เป็นเสียงของบุคคลที่ ทนายตั้ม ระบุว่า คือผู้ติดตาม ได้โทรหา ท่านประธาน ส. เพื่อปรึกษา หลังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อเข้ามาหา เพื่อให้ข้อมูลประเด็น ประธาน ส. นัดพบกับ "บอสปีเตอร์" ที่ร้านฟาสต์ฟูดแห่งหนึ่ง โดย ประธาน ส. ระบุว่า เหตุการณ์ในวันนั้น แค่เอาพระไปให้เท่านั้น พร้อมแนะนำให้คู่สนทนาอยู่นิ่ง ๆ

"สามารถ" ขู่แจ้งความ ลอบดักฟังโทรศัพท์
แต่หลังคลิปเสียงเผยแพร่ออกไปไม่นาน เฟซบุ๊กของ นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ โพสต์ข้อความว่า "วันพฤหัสบดี ผมจะแจ้งความเด็กซื้อน้ำ ข้อหาลักลอบดักฟังใช้ประโยชน์ เปิดเผย จำคุก 5 ปี สื่อไหนเผยแพร่ ก็รับโทษ ผู้ใดรับรู้ข้อความจากการกระทำผิดตามข้อ 1 ใช้ประโยชน์เผยแพร่ ก็รับโทษจำคุก 5 ปี"

"ทนายตั้ม" โพสต์ตอบโต้
ทนายตั้ม โพสต์ตอบโต้ ระบุข้อความว่า "จะไปแจ้งที่ไหนบอกด้วยนะ จะได้รีบไปมอบตัวให้ ประกาศคณะปฏิรูปฉบับนี้ใช้กับกรณีดักฟัง ไม่ใช่คู่กรณีบันทึกเสียง ดังนั้นใครจะใช้ประโยชน์ต่อก็ไม่ผิด ไปศึกษากฎหมายบ้างนะ"

"พัช กฤษอนงค์" ปัดรีดเงิน "บอสพอล - ผู้เสียหาย"
ส่วนอีกเรื่องที่เป็นกระแส หลังมีการแฉน้องร้องเรียนหญิงคนหนึ่ง เรียกรับเงินผู้เสียหาย และรีดเงินบริษัทดิไอคอน 10 ล้านบาท

ทาง คุณพัช กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ ประธานอำนวยการศูนย์ประสานงานส่งเสริมเครือข่ายออนไลน์ เปิดใจว่า ตนเองอยู่ในกระบวนการช่วยเหลือแชร์ลูกโซ่มานาน 19 ปีแล้ว และรู้จักกับ บอสพอล มาเป็นเวลา 10 ปี แต่ไม่ได้สนิทกัน กระทั่งมีผู้เสียหายมาร้อง จึงโทรศัพท์หาบอสพอล เพื่อช่วยเจรจาเท่านั้น ขอยืนยันว่า ไม่มีการรีดเงินจากดิไอคอน 10 ล้านบาท แต่เป็นเงินที่ทางผู้เสียหายได้รับไป แล้วทางบริษัทสรุปยอดมา

เบื้องต้นจะมีผู้เสียหาย 2 ชุด ชุดแรกมียอดอยู่ที่ 15.9 ล้านบาท, ชุดที่ 2 จำนวน 5 ล้านบาท แต่เมื่อเราไปเสนอไปที่ดิไอคอน ยอมจ่ายมาแค่ 8.3 ล้านบาท ส่วนประเด็นที่เอาเงินจากผู้เสียหาย 20% ก็ไม่เป็นความจริงเช่นเดียวกัน

"สนธิญา" จุดธูปสาบาน ไม่รู้จัก "บอสพอล"
ส่วนที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง วันนี้ นายสนธิญา สวัสดี ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึง ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ขอให้ตรวจสอบและให้ความเป็นธรรมกับ ท่าน ว.วชิรเมธี ใน 7 ประเด็น และให้ตรวจสอบการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของ สคบ. ที่มีการร้องเรียนเรื่อง "ดิไอคอน กรุ๊ป" ก่อนหน้านี้มา 2-3 ปี ที่ผ่านมาแล้ว ให้ตรวจสอบที่ บอสพอล ที่อ้างว่ามีผู้เข้าไปพูดคุยเจรจา เพื่อที่จะช่วยเหลือ หรือรับเงิน เช่น ข้าราชการ นักการเมือง นักร้อง และ ทนายความ เป็นไปตามที่ บอสพอล เคยให้สัมภาษณ์ในรายการหนึ่ง เพื่อระบุตัวบุคคลทั้งหมดออกมา รวมไปถึงให้ตรวจสอบกรณีเพจ "อีซ้อขยี้ข่าว" ที่กล่าวหาตนว่ามีคลิปเสียงคุยกับ บอสพอล

ทั้งนี้ นายสนธิญา ยังได้นำพระพุทธรูป มาท้าสาบาน ว่า ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยเกี่ยวข้อง ไม่มีคนที่รู้จัก เป็นสมาชิกดิไอคอนกรุ๊ป และยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ดิไอคอนกรุ๊ปขายอะไร เพิ่งรู้เมื่อช่วงที่มีข่าวดัง