นายเล็กยอมเปิดใจ บอกเลิกเจ้าภาพกฐินเพราะไม่มีเงิน ซองกฐิน 200 ซองมอบให้หลวงพ่อไปแล้ว เหลืออีกบางส่วนยังไม่ได้เก็บมา ให้ไปค้นหากุฎิหาซองกฐิน
วันที่ 23 ตุลาคม 2567 ที่ สภ.เสนา จ.พระนครศรีอยุธยา นางสาวแจ้ว (นามสมมุติ) มีอาชีพเป็นหมอดู และเป็นสาวคนสนิทของนาย สัญญา หรือนายเล็ก ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกง เดินทางเข้ามาพบพนักงานสอบสวน เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องเรื่องของการโอนเงิน และมีความสนิทสนมกับนายเล็ก โดยยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งนางสาวแจ้ว ปฎิเสธที่จะพูดคุยหรือให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าว
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เสนา ได้คุมตัว นายเล็ก ออกจากห้องควบคุม เพื่อทำการสอบสวนเพิ่มเติม จังหวะนั้น มีลูกศิษย์ ของเจ้าอาวาสวัดโบสถ์(บน) เดินทางมาพอดี จึงได้ตรงเข้าไปสอบถาม นายเล็กว่า “ลุงทำหลวงพ่อทำไม ทำไมต้องทำหลวงพ่อด้วย หลวงพ่อทำไรให้ลุงเสียหาย ชีวิตคนทั้งคน ลุงต้องไปกราบขอโทษหลวงพ่อ “
นายเล็ก ผู้ต้องหา ซึ่งลักษณะท่าทางอิดโรยอ่อนเพลีย ตอบว่า อยากขอโทษครอบครัวหลวงพ่อ ส่วนเงินทั้งหมดได้นำไปซื้อหวย แต่มีให้เป็นเงินสดหลวงพ่อไปแล้ว 3 งวด ครั้งแรกให้ไป 50,000 บาท ครั้งที่ 2 จำนวน 60,000
บาท และ ครั้งที่ 3 ให้เงินหลวงพ่อไป 70,000 บาท
ส่วนยอดเงินที่เจ้าอาวาส เขียนบันทึกยอดเงินเอาไว้จำนวน 650,000 บาท ตนเองไม่ทราบ ตนเองไม่ได้หลอก แต่ได้โทรไปบอกยกเลิกเจ้าภาพกฐิน เจ้าอาวาสจึงฆ่าตัวตาย
สาเหตุที่ยกเลิกกฐิน เพราะตนเองไม่มีเงินไปทอด ส่วนซองที่เอาไปแจก เก็บมาให้หลวง
พ่อไปแล้วประมาณ 200 กว่าซอง โดยไม่รู้จำนวนเงิน มีเหลือที่ยังไม่ได้เก็บตามร้านค้า และเจ้าภาพร่วมอีกจำนวนหนึ่ง ให้ไปค้นกุฎิดูว่าซองกฐินอยู่ที่ไหน
ส่วนที่หลังเกิดเหตุตนเองตกใจ และเสียใจมาก ที่หลบหนีไปตั้งหลัก ตกใจทำอะไรไม่ถูก ส่วนทองรูปพรรณที่เห็นตนเองใส่จำนวนมาก เป็นทองปลอม ที่หลายคนเรียกตนเองเรียกว่าเสี่ย เพราะเมื่อก้อนตนเองมีมีรายได้จากการขายโค้วต้าหวย แต่ตอนนี้ไม่มีเงินแล้ว
