หนุ่มช่างทาสี เสพยาจนหลอน พังห้องสอนตัดผม วิทยาลัยสารพัดช่างอุดรธานี อ้างมีคนจะทำร้าย
เมื่อเวลา 15.00 น. ขณะที่ ร.ต.อ.อัครเดช จันทวิมล รอง สวป.สภ.เมืองอุดรธานี ออกตรวจในพื้นที่รับผิดชอบ ได้รับแจ้งเหตุมีชายคลุ้มคลั่งอาละวาด ทุบทำลายทรัพย์สิน เหตุเกิดภายในอาคารปฏิบัติการณ์วิชาชีพระยะสั้น วิทยาลัยสารพัดช่างอุดรธานี ถ.อำเภอ เขตเทศบาลนครอุดรธานี หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยสายตรวจ 191 เข้าปตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุอยู่ชั้น 2 เป็นห้องสอนวิชาตัดผมชาย และตัดผมหญิง โดยมีนายปิ่นทอง แสงจันทร์ เจ้าหน้าที่ รปภ.วิทยาลัยฯ นำตรวจสอบความเสียหาย พบว่าคนร้ายได้เข้าไปพังอุปกรณ์การเรียนการสอนทั้งหมด เก้าอี้ตัดผม ชั้นวางของ โต๊ะ เตียงสระผม ถูกคนร้ายพังจนล้มกระจัดกระจาย บางส่วนถูกโยนลงมาทางหน้าต่างจากชั้น 2 แตกกระจายตามพื้น กระจกห้องเรียนแตกเสียหายหลายจุด หลังก่อเหตุ คนร้ายได้เดินหลบหนีออกไปจากวิทยาลัยฯ ทันที
ต่อมา ตำรวจได้ออกติดตามตัวคนร้าย จนสามารถไปจับกุมตัวได้ที่หน้าวิทยาลัยโปโลเทคนิคอุดรธานี ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 200 เมตร ตอนแรกคนร้ายมีอาการขัดขืน ไม่ยินยอมให้จับกุม อ้างว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด ตะโกนบอกตำรวจว่า ไม่ได้ทำร้ายใคร มีแต่คนอื่นที่จะตามมาฆ่าตน ทราบชื่อภายหลังคือ นายบุญรอด อายุ 30 ปี ก่อนควบคุมตัวไปทำการสอบสวนที่โรงพัก
นายขวัญ อ้างว่า ตนมาทำงานทาสีกับผู้รับเหมาที่วิทยาลัยฯ มาทำงานวันนี้เป็นวันที่ 3 วันนี้ตนเห็นว่ามีคนกำลังจะข่มขืนกันในห้อง ตนจึงเข้าไปดู คนพวกนั้นก็หายตัวไปต่อหน้าต่อตา ตนกลัวมาก สับสนไปหมด สักพักเห็นว่ามีคนทะเลาะกัน ทำร้ายกัน และก็มีอาวุธ เมื่อคนพวกนั้นเห็นตนก็หันจะมาทำร้าย ตนก็ต้องป้องกันตัวต่อสู้ ตนไม่รู้ว่าหลอนหรือไม่ แต่ยอมรับว่าเสพยาบ้าไป 2 เม็ดตอนเช้า
ด้านนายปิ่นทอง รปภ.วิทยาลัยฯ เล่าว่า ขณะเดินตรวจสถานที่ ก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายที่ชั้น 2 ของอาคารดังกล่าว ตอนแรกนึกว่าเป็นเสียงคนงานทะเลาะกัน เพราะช่วงนี้อาคารดังกล่าวมีการปรับปรุงอาคาร จะมีช่างเข้ามาทำงานทุกวัน แต่เมื่อสอบถามผู้รับเหมา ก็ทราบว่ามีช่างมาทำงาน 4 คน อยู่ชั้น 4 ส่วนคนที่อาละวาดก็เป็น 1 ในช่างที่จ้างมา เขาไม่ได้ทะเลาะกับใคร แต่คาดว่าคงจะหลอนยาจนมีอาการดังกล่าว เมื่อโทรแจ้งตำรวจแล้ว ตนได้แต่ยืนดูอยู่ห่าง ๆ เพราะกลัวว่าเขาจะมีอาวุธ หากเข้าไปใกล้อาจจะได้รับอันตราย
เบื้องต้น จากการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติดพบว่าฉี่ม่วง จึงแจ้งข้อกล่าวหานายบุญรอด เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยผิดกฎหมาย และประพฤติตนเป็นภัยสังคม ก่อนในเบื้องต้น และแนะนำให้ทางวิทยาลัยฯ สำรวจความเสียหายทั้งหมด แล้วเข้าไปแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนอีกครั้ง เพื่อแจ้งข้อหาเพิ่มเติมตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป
