บิ๊กเต่า ยืนยันพบเส้นเงิน 6-7 แสนบาท บอสพอลโอนเข้าบัญชีแม่นักการเมือง ส. จ่อแจ้งข้อหาพยานเท็จ-เอกภพ หมิ่นประมาท พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ
วันนี้ (4 พ.ย.67) พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีคลิปเสียงนักการเมือง ส. เรียกรับเงินจาก "บอสพอล" ดิไอคอน กรุ๊ป ว่า ขณะนี้ตำรวจกำลังเร่งสืบสวนหาข้อมูล โดยเบื้องต้นพบเส้นทางการเงินระหว่าง "บอสพอล" กับ แม่นักการเมือง ส. โดยเป็นเส้นทางการเงิน 6-7 แสนบาท ซึ่งทนายความของบอสพอลให้ข้อมูลว่าเป็นเงินทำบุญ แต่ยอดดังกล่าวไม่ถึง 2 ล้านบาทตามที่มีกระแสข่าว ซึ่งตำรวจจะตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงสอบถามไปทาง "บอสพอล" ว่าต้องการดำเนินคดีหรือไม่ ทั้งนี้พนักงานสอบสวนนอกจากจะไปสอบปากคำบอสพอลในเรือนจำแล้ว ก็ต้องสอบปากคำลูกข่ายที่มีความเกี่ยวข้องกับคดีให้จบภายในสัปดาห์นี้
ส่วนเรื่องที่มีพยานเท็จของเพจสายไหมต้องรอด พาดพิงว่าเจ้าหน้าที่ใน บก.ปคบ. เรียกรับเงินจาก "บอสพอล" นั้น เบื้องต้นยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำและรวบรวมพยานหลักฐาน แต่เชื่อว่าประเด็นนี้เป็นการสร้างพยานหลักฐานเท็จขึ้นมา ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับความเสียหาย โดยทนายบอสพอลบอกว่าจะดำเนินคดีกับพยานเท็จ ในข้อหาหมิ่นประมาท และดำเนินคดีและนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ในความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ในส่วนของตำรวจจะดำเนินคดีตามหลักฐานที่พบ ส่วนใครจะให้การอย่างไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ส่วนกรณีที่บอสพอลพูดเองว่ามีเทวดาใน สคบ. นั้น พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ยืนยันว่า จากการพูดคุยทราบว่า เป็นการที่บอสพอลสอนลูกน้องว่าทุกสถานที่หรือหน่วยงานต่าง ๆ จะมีเทวดาดูแล ดังนั้นเวลาไปหน่วยงานไหนให้ไปผูกมิตรผูกสัมพันธ์ มีของขวัญไปฝากกับเทวดาผู้นั้น เพื่อให้การประสานงานสะดวกคล่องตัว แต่ประเด็นเรื่องการเรียกรับเงินนั้น "บอสพอล" ไม่ได้พูดอะไร
ส่วนการดำเนินคดีกับนักร้องเรียนหญิง ก. นั้น ตำรวจตรวจสอบเส้นทางการเงินเงินเรียบร้อยแล้ว และมีข้อหาที่เข้าข่ายความผิดแล้ว 1 ข้อหา คือ กรรโชกทรัพย์ ขณะนี้คณะทำงานอยู่ระหว่างพิจารณาว่าเข้าข่ายข้อหาเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับผลประโยชน์โดยมิชอบ ตามมาตรา 148 ด้วยหรือไม่ โดยเมื่อได้ความชัดเจนแล้ว ก็จะพิจารณาว่าจะออกหมายเรียกนักร้องเรียนหญิงมารับทราบข้อหา หรือออกหมายจับ