เช้านี้ที่หมอชิต - นอนคุกตามระเบียบ นักร้องเรียนสาว "พัช กฤษอนงค์" แม้มีข่าวว่าทั้งตำรวจ และทนายความของกลุ่มดิไอคอนกรุ๊ป คัดค้านการประกันตัว แต่อีกมุมเจ้าตัวก็ไม่ยื่นขอประกันตัวในชั้นศาลฯ เช่นกัน
มีรายงานว่า นางสาวกฤษอนงค์ หรือ พัช ผู้ต้องหาคดีกรรโชกทรัพย์ และคนกลางเรียกรับสินบน เลือกจะไม่ยื่นขอประกันตัวในชั้นศาล หลังตำรวจพาไปขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง กรณีเรียกรับเงินจากกลุ่มผู้ต้องหา ดิไอคอนกรุ๊ป จำนวน 750,000 บาท ท่ามกลางทั้งตำรวจ และกลุ่มดิไอคอน ก็ส่งทนายของบอสพอล ก็ยื่นคัดค้านประกันตัว เพราะเกรงว่า ผู้ต้องหาจะไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน และข่มขู่พยาน ทำให้ทั้ง 2 เหตุการณ์ เรียกว่าไม่ต้องลุ้นศาลฯ มีคำสั่งฝากขัง ผู้ต้องหาตามคำร้อง
ทีนี้มาสรุปหน่อยว่า พัช กฤษอนงค์ โดยข้อหาอะไรบ้าง เบื้องต้นที่ส่งศาลฯ ขังก็ปมการเรียกรับเงิน 750,000 บาท ตามที่เราเกริ่นไปก็ยังเหลืออีก 3 ข้อหาในคดีหมิ่นประมาท 2 คดี และเรียกรับเงิน 20 ล้านบาท ตามกราฟิกที่เราขึ้นอยู่นี้
ซึ่งในคดีหมิ่นประมาท 1 คดี ของนักร้องเรียนสาวคนนี้ ทีมีคู่กรณีเป็นพิธีกรข่าว ทางทนายพรศักดิ์ หรือ ทนายตุ๋ย ทนายความของพิธีกรข่าว หนุ่ม กรรชัย ก็เข้าให้ปากคำเพิ่มกับพนักงานสอบสวน เพิ่มและนำหลักฐานการโทรศัพท์มามอบเพื่อยืนยัน
เรื่องที่ทั้ง "พัช กฤษอนงค์" และ "ฟิล์ม-รัฐภูมิ" เคยมีคลิปหลุดเรียก 20 ล้านบาท ก่อนหน้านี้ไปตรวจสอบอย่างละเอียดร่วมกับตำรวจไปสอบปากคำ "บอสปัน" น่าจะออกหมายเรียกผู้ต้องหาได้
ขณะที่ บิ๊กเต่า พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เรียกประชุมคณะทำงานชุดใหญ่ ก่อนออกมาเผยว่า จะใช้เวลาประมาณ 10 วัน พิจารณาดำเนินการในคดีหมิ่นประมาท พิธีกรข่าว "หนุ่ม กรรชัย" คดีที่ นางสาวจิราพร สินธุไพร หรือ รมต.น้ำ จะดำเนินการได้ครบ รวมทั้ง คดี "บอสปัน" ถูกตบทรัพย์ 20 ล้านบาท จากฟิล์มและพัช ที่ยังต้องรอการแจ้งความดำเนินคดี ถึงจะพิจารณาความผิดฐาน "พยายามฉ้อโกง" ได้ด้วย ส่วนคดีเรียกรับผลประโยชน์อื่น ๆ รวมถึงเรื่อง นายเอกภพ สายไหมต้องรอด ก็คืบหน้าไปกว่า 90% แล้ว
แต่ที่น่าสนใจเพิ่มก็กรณี นักการเมือง "ส." ชุดสืบสวน พบข้อมูลใหม่ เป็นการโอนเงินกว่า 10 ล้านบาท ช่วงระหว่างปี 2564-2567 อยู่ระหว่างการเตรียมเรียก "แม่" ของนักการเมืองคนนี้ มาชี้แจงประเด็นต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ขณะที่เมื่อวาน (18 พ.ย.) ก็มีกลุ่มผู้ที่เคยร่วมลงทุนทำธุรกิจกับ "ดิไอคอนกรุ๊ป" 30-40 คน ที่ได้รับผลกระทบจากการอายัดบัญชีธนาคาร มาร้องขอให้ตำรวจ พิจารณาปลดอายัดบัญชีที่ไม่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ด้วย หนึ่งในผู้เสียหาย บอกว่า ถ้าเป็นบัญชีที่ทำธุรกิจกับดิไอคอนฯ ยังพอเข้าใจได้ แต่บัญชีธุรกิจปกติที่ไม่เกี่ยวข้องก็ถูกอายัดไปด้วย
คดีทนายตั้ม ฉ้อโกง มาดามอ้อย ก็ยังมีวิบากกรรมอยู่ เมื่อ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เข้าให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวน พร้อมเผยข้อมูลใหม่ที่พบพิรุธ กรณี ทนายตั้ม พยายามให้ มาดามอ้อย รับลูกชายของตัวเอง เป็นบุตรบุญธรรม
ซึ่งแท้จริงแล้ว เมื่อปี 2565-2566 มีการทำพินัยกรรมอยู่ 2 ครั้ง เป็นทรัพย์สินของ มาดามอ้อย ในต่างประเทศทั้งหมด และยังพบว่าทำกันเป็นขบวนการ ครั้งแรกยังไม่มีผู้จัดการมรดก แต่ครั้งที่ 2 มีการเปลี่ยนแปลงพินัยกรรม โดยมี ทนายตั้ม เป็นผู้จัดการมรดก และในปีนี้ มาดามอ้อย พบพิรุธ จึงทำพินัยกรรมฉบับใหม่ขึ้นมากับหน่วยงานราชการ
แต่ ทนายตั้ม ยังไม่คืนพินัยกรรมฉบับที่ตนเองเป็นผู้จัดการมรดก โดยอ้างว่า ทำลายพินัยกรรมฉบับนั้นแล้ว แต่ไม่เคยทำลายต่อหน้า มาดามอ้อย รวมทั้งยังพบมีขบวนการอื่น ๆ เช่น การติด GPS ที่รถของ มาดามอ้อย และพาไปในที่ไม่มีสัญญาณ ทำให้ มาดามอ้อย รู้สึกไม่ปลอดภัย