ประเด็นเด็ด 7 สี - ชัยชนะในการเลือกตั้งไม่ได้นับจากคะแนนเสียงพ็อปพิวลาร์โหวต แต่มาจากเสียงของคณะผู้เลือกตั้ง (Electoral College) 538 เสียง ซึ่งแต่ละรัฐมีสัดส่วนของคณะผู้เลือกตั้งที่แตกต่างกันไป และผู้ชนะต้องได้คะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้งอย่างน้อย 270 เสียง โดยทั้ง พรรคเดโมแครต และ พรรครีพับลิกัน ต่างก็มีรัฐฐานเสียงเดิมของตัวเองกันอยู่แล้ว
เริ่มกันที่ฝั่ง "รัฐสีน้ำเงิน" หรือ รัฐฐานเสียงพรรคเดโมแครต โดยพรรคเดโมแครตมักจะเป็นรัฐใหญ่ ๆ อย่างเช่น รัฐแคลิฟอร์เนีย ที่มีคณะผู้เลือกตั้งมากถึง 54 เสียง ถือว่ามากที่สุดในประเทศ และเป็นรัฐที่เรียกได้ว่ามีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ จึงไม่แปลกที่รัฐนี้จะเทคะแนนให้กับเดโมแครต
ถ้าจะพูดถึงรัฐที่มีคะแนนเสียงมาก ฝั่งรีพับลิกันก็มีเหมือนกัน แม้ว่าจะไม่ใหญ่เท่ารัฐแคลิฟอร์เนีย แต่รัฐเท็กซัส ก็มีเสียงมากถึง 40 เสียง โดยรัฐนี้นับเป็นรัฐพรมแดนติดกับเม็กซิโก และ ทรัมป์ เองก็มีนโยบายด้านผู้อพยพที่ชัดเจน อีกทั้งได้เสียงจากกลุ่มอนุรักษ์นิยมในรัฐนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ตัวตัดสินชัยชนะการเลือกตั้งที่แท้จริง คือรัฐตัวแปร 7 รัฐ ที่เรียกว่าสวิงสเตต ได้แก่ แอริโซนา จอร์เจีย มิชิแกน เนวาดา นอร์ทแคโรไลนา เพนซิลเวเนีย และวิสคอนซิน เราจะมาดูแต่ละรัฐกัน
ส่วนรัฐเพนซิลเวเนีย ซึ่งเป็นรัฐที่ ทรัมป์ รอดชีวิตจากการลอบสังหารครั้งแรกมาได้ ประเด็นเศรษฐกิจถือเป็นปัญหาสำคัญของที่นี่ และจากอัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นทั่วประเทศภายใต้การบริหารของไบเดน อาจส่งผลกระทบต่อเนื่องถึง แฮร์ริส เพราะถือว่า แฮร์ริส เองก็อยู่ในรัฐบาลเดียวกัน
แต่อย่าชะล้าใจไป เพราะล่าสุด ทรัมป์ ดันไปแสดงคำพูดเหยียดเชื้อชาติออกมาก่อนการเลือกตั้ง นางแฮร์ริส จึงถือโอกาสลงพื้นที่รัฐเพนซิลเวเนีย เพื่อพยายามซื้อใจชาวอเมริกันเชื้อสายเปอร์โตริโก แถมยังพยายามดึงคะแนนจากคน "เจนซี" (Gen Z) ด้วย
เรามาดูที่แอริโซนา ซึ่งมีพรมแดนติดกับเม็กซิโก กลายเป็นศูนย์กลางของการถกเถียงเรื่องผู้อพยพ แม้ว่าพรรคเดโมแครตจะชนะการเลือกตั้งปี 2020 แต่ ทรัมป์ ที่มีนโยบายการแก้ปัญหาชายแดนที่ชัดเจน ซึ่งในวันนี้ ทรัมป์ประกาศว่า จะกำหนดภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโก เพิ่ม 25% หากเม็กซิโก ไม่สามารถหยุดปัญหาผู้อพยพผิดกฏหมายที่เดินทางข้ามมายังสหรัฐฯได้ อาจทำให้ทรัมป์คว้าคะแนนรัฐนี้มาครองได้
มาดูรัฐที่รัฐจอร์เจีย ซึ่งเป็นรัฐที่ทรัมป์ถูกกล่าวหาว่ามีการแทรกแซงการเลือกตั้ง ทำให้เขาต้องถูกดำเนินคดีอาญา แม้ ทรัมป์ ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหา อีกอย่างประชากร 1 ใน 3 ของจอร์เจีย เป็นคนอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน ซึ่งแฮร์ริสคาดว่าจะดึงคะแนนเสียงจากกลุ่มผู้มีสิทธิเลือกตั้งกลุ่มนี้เอาไว้ให้ได้
คำถามสำคัญคือจะทราบผลการเลือกตั้งเมื่อไร ซึ่งจากผลสำรวจความคิดเห็นที่แสดงให้เห็นว่าทรัมป์ และแฮร์ริส มีคะแนนนิยมแทบจะเท่ากัน จึงคาดว่า ผลการเลือกตั้งอาจจะยังไม่ทราบในทันที หลังปิดการลงคะแนนเสียง ซึ่งการประกาศผลอย่างเป็นทางการ ต้องรอการนับคะแนนที่เสร็จสมบูรณ์ โดยจะประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ในวันที่ 6 มกราคม 2568
