คุม ทนายตั้ม-ภรรยา ฝากขังศาลอาญา

View icon 24
วันที่ 8 พ.ย. 2567 | 16.01 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - เมื่อคืนนี้ ทนายตั้ม และภรรยา คอตกนอนห้องขังกองปราบ ถูกสอบปากคำมาราธอนนาน 11 ชั่วโมง จนมีสภาพอิดโรย โดยทั้งคู่ยังให้การปฏิเสธ ยืนยันไม่ได้คิดจะหลบหนี ล่าสุดช่วง 13.30 น.ที่ผ่านมา ตำรวจคุมตัวทั้ง 2 คน ไปฝากขังที่ศาลอาญา

คุม ทนายตั้ม-ภรรยา ฝากขังศาลอาญา
ช่วง 13.30 น.ที่ผ่านมา ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ได้คุมตัว นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ "ทนายตั้ม" พร้อม นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยา ขึ้นรถตู้ เพื่อไปฝากขังศาลอาญารัชดา ตามขั้นตอนทางกฎหมาย

ทันทีที่เดินออกมาจากอาคารประชาอารักษ์ ทนายตั้ม ยกมือไหว้กองทัพสื่อมวลชน แต่ไม่ได้พูดอะไร เมื่อทนายตั้มขึ้นรถตู้ไป ได้ขยับไปนั่งข้าง ๆ ภรรยา ก่อนจะประคองศีรษะมาใกล้ ๆ และจูบที่หน้าผาก และทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันต่อ จากนั้นรถตู้ก็ได้เคลื่อนตัวไปที่ศาลอาญารัชดาทันที โดยพนักงานสอบสวนจะคัดค้านการประกันตัว

สอบ "ทนายตั้ม-ภรรยา" มาราธอน 11 ชม.
ส่วนเมื่อวาน (7 พ.ย.) ทนายตั้ม และภรรยา ถูกคุมตัวมาสอบปากคำตลอดทั้งวัน นานกว่า 11 ชั่วโมง จนเวลา 00.20 น. (8 พ.ย.) เจ้าหน้าที่ได้คุมตัวทนายตั้ม พร้อมภรรยา ลงมาจากห้องสอบสวน พบว่า ทนายตั้ม มีสีหน้าอิดโรย และพยายามเหลือบมองสื่อมวลชน ส่วนภรรยาเดินก้มหน้า ก่อนทั้ง 2 คน จะถูกนำตัวเข้าห้องขังไปทันที

มื้อเช้า "ทนายตั้ม-ภรรยา" กินข้าวกะเพราไก่
จนกระทั่งเมื่อเช้านี้ (07.25 น.) มีแม่ค้าร้านอาหารตามสั่งที่ขายอยู่ในพื้นที่กองปราบฯ ได้ขี่จักรยาน นำข้าวกะเพราไก่ ไม่มีไข่ดาว จำนวน 2 กล่อง ราคากล่องละ 25 บาท พร้อมน้ำดื่ม 2 ขวด มาส่งให้กับเจ้าหน้าที่ที่ห้องคุมตัวผู้ต้องหา จึงคาดว่าเป็นมื้อเช้าของทนายตั้ม และภรรยา สำหรับเมนูอาหารเช้าข้าวกะเพราไก่นั้น เป็นเมนูเดียวกันกับที่เจ้าหน้าที่เตรียมให้ นายวรัตน์พล หรือบอสพอล ผู้ต้องหาคดีดิไอคอนอีกด้วย แต่ของบอสพอล มีไข่ดาวด้วย และหลังจากทานข้าวเช้าเสร็จ ตำรวจได้คุมตัว ทนายตั้ม และภรรยา ออกจากห้องควบคุมตัว เพื่อไปสอบปากคำต่อ

"ทนายตั้ม" ไม่คิดหลบหนี ใส่สูทรอให้จับกุม
ด้าน นายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของนายษิทรา เดินทางมายังศาลอาญา เผยว่า ทนายตั้ม ไม่เครียดกับการถูกดำเนินคดี พร้อมทั้งยังเตรียมตัวถูกจับกุมจากตำรวจมาถึง 5 วัน โดยใส่สูท แต่งตัวรอที่บ้านตลอดเวลา กระทั่งวานนี้เห็นว่ายังไม่มีการออกหมายจับ จึงเดินทางไปทำบุญที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยไม่ได้มีพฤติการณ์หลบหนีออกไปชายแดนอย่างที่ทุกคนตั้งข้อสงสัย

ส่วนการที่จะบอกว่าทนายตั้มไม่ผิดนั้น ทนายสายหยุด กล่าวว่า จากการพูดคุยทราบว่าอาจเป็นการยืมเงิน และเป็นความผิดแพ่งหรือไม่ เพราะคดีฉ้อโกงกับแพ่ง เป็นเพียงเส้นบาง ๆ ของข้อกฎหมาย ดังนั้นรายละเอียดต่าง ๆ ตนไม่ขอเปิดเผย พร้อมระบุว่า "การสู้คดีผมตัดสินในชั้นศาล ไม่ได้ตัดสินทางทีวี"

ส่วนภรรยาของทนายตั้ม ยอมรับว่ามีอาการเครียด เพราะเป็นปกติของผู้หญิง และไม่คิดว่าจะต้องถูกดำเนินคดีเข้าเรือนจำ

"ทนายตั้ม" ไม่ยื่นประกัน-ฝากช่วยภรรยา
ส่วนการเตรียมยื่นประกันตัวทั้งคู่ในวันนี้ ทนายสายหยุด บอกว่า ทนายตั้ม ยืนยันกับตัวเองในฐานะทนายความตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่า มีความประสงค์ไม่ต้องยื่นประกันตัว ขอเพียงยื่นประกันตัวให้ภรรยาเพียงผู้เดียว โดยทนายตั้มพูดทิ้งท้ายว่า "ขอให้ผมในฐานะทนายความ รวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วน เตรียมพร้อมสู้คดี ตัวเขาเองไม่ได้มีปัญหาอะไร อยู่ในเรือนจำได้ และยังคงยืนยันทุกอย่างตามที่เคยได้พูดไปว่า เขาไม่ได้โกงใคร"

ซึ่งวันนี้ก็เตรียมความพร้อมที่จะไปยื่นประกันตัวของภรรยาทนายตั้ม ส่วนเงินสดหรือ หลักทรัพย์จะ เตรียมมาเท่าไหร่นั้น เป็นเรื่องของญาติ ซึ่งเห็นว่าเป็นน้องสาวของฝั่งทนายตั้มเป็นคนจัดการทั้งหมด

"ทนายตั้ม-ภรรยา" ยังปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
ด้าน พลตำรวจตรี สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เผยผลการสอบปากคำ ทนายตั้ม และภรรยาว่า ผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ยังคงให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ให้การเพียงในรายละเอียด ในมุมของตนเองที่ต้องการแก้ข้อกล่าวหา ซึ่งเป็นสิทธิ แต่ทั้งนี้ก็ยังแก้คำให้การได้ ตราบใดที่ผู้ต้องหายังไม่ลงชื่อรับรองคำให้การ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผู้ต้องหาให้การ ก็แสดงให้เห็นเจตนาบางอย่าง แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ นอกจากนี้ทั้งคู่บอกด้วยว่า จะทำหนังสือคำให้การมาชี้แจงเพิ่มเติม ภายใน 15 วัน

ส่วนกรณีที่ผู้ต้องหา อ้างว่าไม่ได้หลบหนี แค่ไปทำบุญ ก็ไม่ได้มีผลเปลี่ยนแปลงในเรื่องของพยานหลักฐาน เพียงได้ตัวมาก็ถือว่าดำเนินการแล้วเสร็จ และที่ทนายตั้มอ้างว่าแต่งสูทรอมา 5 วันแล้ว แต่ตำรวจไม่ไปจับกุม ก็ไม่ได้มีผล ดังนั้นจะแต่งตัวรอนานแค่ไหน หากตำรวจไม่มีหมายจับ ก็ยังจับไม่ได้