ข่าวเย็นประเด็นร้อน - กรณีเงิน 39 ล้านบาท มีข้อมูลว่า ก่อนที่พี่อ้อยจะเขียนเช็คให้นายนุ กับนางสาวสา ที่อ้างว่าโอนบิตคอยน์แล้วถูกระงับบัญชี ความเสียหาย 2.2 ล้านบาทนั้น จริง ๆ แล้ว ก่อนหน้าจะเขียนเช็ค 39 ล้าน พี่อ้อยได้โอนเงินตรงไปให้กับทนายตั้ม เพื่อให้นำไปคืนให้กับนุและสาแล้ว
เปิดประเด็นใหม่ มาดามอ้อย โอนให้ทนายดัง 2.1 ล้าน คืน นุ-สา
ทีมข่าวเย็นประเด็นร้อน เพิ่งจะได้ข้อมูลมาใหม่จากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ว่า ก่อนหน้าที่คู่ผัวเมีย คือ นายนุ กับ นางสาวสา จะไปลงบันทึกประจำวันที่ สน.บางซื่อ เมื่อ 23 พฤษภาคม 2566 ว่าโอนบิตคอยน์ 7 ครั้ง ไปให้บัญชีปลายทางไม่ทราบชื่อ รวมมูลค่าเงิน 2.2 ล้านบาท ทำให้กระเป๋าเงินบิตคอยน์ของตัวเองถูกระงับบัญชี ไม่สามารถเข้าถึงได้อีก และต่อมานำบันทึกประจำวันนี้ไปหลอกพี่อ้อย จนพี่อ้อยต้องเขียนเช็คให้ 39 ล้านบาทนั้น
ก่อนหน้าการไปลงบันทึกประจำวัน เพียง 1 วัน คือวันที่ 22 พฤษภาคม 2566 พี่อ้อยได้โอนเงินจำนวน 2.1 ล้านบาท ตรงเข้าบัญชีทนายคนดัง ซึ่งการโอนของพี่อ้อยครั้งนั้น วัตถุประสงค์ก็คือเป็นการโอนคืนให้นายนุ กับนางสาวสา ที่อ้างว่าโอนบิตคอยน์เพื่อจัดการเรื่องนักแสดงชาวจีนให้พี่อ้อย แล้วถูกแก๊งหลอกลวงทางออนไลน์หรือสแกมเมอร์ ดูดเงิน และถูกระงับบัญชี
ซึ่งถ้าเป็นไปตามข้อมูลที่แหล่งข่าวบอกว่า ก็จะเห็นว่าจริง ๆ แล้ว พี่อ้อย ได้โอนเงินคืนให้แล้ว 2.1 ล้านบาท แต่ต่อมาเพียงวันเดียวหลังจากนั้น คู่ผัวเมียนุ สา ก็ไปลงบันทึกประจำวันที่ สน.บางซื่อ จนกระทั่งอีก 2 วันต่อมา คือ 23 พฤษภาคม 2566 พี่อ้อยก็เขียนเช็ค 39 ล้านบาท ให้คู่ผัวเมีย
พบเงิน 71 ล้านบาท ถูกนำไปซื้อบ้าน
ส่วนเรื่องเงิน 71 ล้าน ที่เป็นจุดเริ่มต้นจริง ๆ ที่พี่อ้อยแจ้งความทนายตั้มนั้น ทีมข่าวก็ไปสืบเสาะหาข้อมูลจนพบว่า หลังพี่อ้อยโอนเงิน 71 ล้านบาทให้ทนายตั้มแล้ว ปลายทางของเงินก้อนนี้ไปอยู่ที่ไหน พี่อ้อยโอนเงินจากบัญชีตัวเอง ธนาคารกรุงศรี เข้าบัญชีธนาคารกรุงศรีของทนายตั้ม จำนวน 71,067,764.70 บาท ในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 วันเดียวกัน ทนายตั้ม ก็โอนเงินจากบัญชีตัวเองไปยังบัญชีตัวเองธนาคารกสิกรไทย
จากนั้น วันที่ 20 มีนาคม 2566 หรือ 33 วัน หลังจากได้เงิน 71 ล้านมาจากพี่อ้อย ทนายตั้มก็นำเงินบางส่วนจำนวน 39 ล้านบาท ไปซื้อบ้านหรูย่านตลิ่งชัน โดยสั่งจ่ายเป็นเช็ค และบริษัทเจ้าของโครงการก็โอนโฉนดที่ดินบ้านหลังดังกล่าวให้เมียของทนายตั้ม