วันนี้ (11 พ.ย. 67) ร.ต.อ.วรุตม์ ภูมิภักดิ์ ร้อยเวรสอบสวนสภ. คลองหลวง ได้รับแจ้งเหตุพบผู้หญิงรมควันเสียชีวิตภายในรถเก๋ง บริเวณถนนพหลโยธินขาเข้าช่องทางคู่ขนานกม. 36+900 ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จึงไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.ท.วีระ สุขชนะ สว.สส.สภ.คลองหลวง, เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สภ. คลองหลวง เจ้าหน้าที่ตร. ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 1 แพทย์นิติเวชโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ (เฉลิมพระเกียรติ) , เจ้าหน้าที่และอาสามูลนิธิร่วมกตัญญู , เจ้าหน้าที่อาสาหงสกุล
ที่เกิดเหตุพบรถเก๋ง สีขาว บริเวณฝั่งที่หน้าคนขับเบาะนั่งเอนไปด้านหลัง และพบผู้เสียชีวิตเป็นหญิง 1 คน ทราบชื่อคือ นางสาวหทัยชนก อายุ 32 ปี สภาพศพสวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงขายาว ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายในรถ พบเตาอั้งโล่ วางอยู่ที่หลังเบาะคนนั่งซ้าย ในเตาพบถ่านจุดไฟจนมอดแล้ว และยังพบกระเป๋าสะพายวางอยู่ที่เบาะหน้า โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ส่วนท้ายรถพบถ่านหุงต้ม , ถาดทำขนม , แก๊สเติมไฟแช็ก ,ไฟเเช็ก และน้ำ 2 ขวดเปิดดื่มไปเล็กน้อย
โดยบนหน้าจอโทรศัพท์ เจ้าหน้าที่พบข้อความเขียนถึงเหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจฆ่าตัวตายในครั้งนี้
จากการตรวจสอบข้อมูลในเบื้องต้นพบว่า รถคันดังกล่าว เป็นรถเช่าของบริษัทแห่งหนึ่งอยู่ใน จ.นนทบุรี ตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย. 2567 เวลาประมาณ 16.00 น. ซึ่งในตอนนี้ กำลังติดต่อทางบริษัทเช่ารถ ให้เข้ามาให้ปากคำกับทางเจ้าหน้าที่ตร. เพิ่มเติมที่โรงพักคลองหลวง
โดยทาง ร.ต.อ.สุนทร คำหินกอง รอง.สวป.สภ.คลองหลวง เวรฯ 70 เผยว่าขณะที่ตนเอง กำลังออกตรวจตราบริเวณถนนพหลโยธิน(ขาเข้า) เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุ ได้พบว่ามีรถจอดอยู่ริมถนน จึงได้ลงมาตรวจสอบ และพบว่าเป็นผู้หญิงนอนอยู่ ตนเองจึงได้พยายามจะปลุกเพื่อให้นำรถไปจอดในปั๊มเพราะบริเวณจุดดังกล่าวค่อนข้างมืด แต่เมื่อมองดูอีกครั้งพบว่า หญิงคนดังกล่าวน่าจะเสียชีวิตแล้วจึงได้วิทยุเข้าสภ. เพื่อแจ้งพนักงานสอบสวนให้มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ทางด้าน ร.ต.อ.วรุตม์ ภูมิภักดิ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.คลองหลวง ในเบื้องต้นพร้อมเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องได้ลงพื้นที่ตรวจสอบในจุดเกิดเหตุ ร่วมชันสูตรพลิกศพ พร้อมกับแพทย์เวรนิติวิทยาศาสตร์ ,เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน (ศพฐ.1) และบันทึกภาพในจุดเกิดเหตุเพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน และตรวจสอบลายนิ้วมือแฝงภายในรถ และรอบรถ พร้อมทั้งบันทึกภาพในที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐานก่อน จะเรียกรถยกมายกรถนำไปเก็บไว้ที่เก็บของกลางที่โรงพัก
ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ให้มูลนิธิร่วมกตัญญู นำร่างผู้เสียชีวิต ส่งศพไปผ่าและชันสูตร ที่นิติเวชโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ (เฉลิมพระเกียรติ) เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตอีกครั้งและจะได้ประสานทางญาติ ๆ มารับศพกับนำกลับไปบำเพ็ญกุศลต่อไป