ไร้ญาติยื่นประกัน นำตัว นุ-สา คนสนิท “ทนายตั้ม” เข้าคุก หลังศาลอนุญาตฝากขังคดีเงิน 39 ล้าน

ไร้ญาติยื่นประกัน นำตัว นุ-สา คนสนิท “ทนายตั้ม” เข้าคุก หลังศาลอนุญาตฝากขังคดีเงิน 39 ล้าน

View icon 164
วันที่ 13 พ.ย. 2567 | 18.57 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
นอนคุก ราชทัณฑ์ นำตัว นุ-สา คนสนิท “ทนายตั้ม” เข้าเรือนจำ หลังศาลอนุญาตฝากขังคดีเงิน 39 ล้าน ไม่มีญาติยื่นประกัน

วันนี้ (13 พ.ย.67) พนักงานสอบสวน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ได้นำตัวนายนุวัฒน์ และ น.ส.สารินี ผู้ต้องหาที่ 1-2 ตามหมายจับศาลอาญา ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกง, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น, ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกที่ศาลอาญา

โดยพฤติกรรมของผู้ต้องหาทั้ง 2 ได้ร่วมกับนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หลอกลวงผู้เสียหายด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จว่าผู้ต้องหาที่ 1 มีกระเป๋าเงินดิจิทัล สามารถโอนสกุลเงินดิจิทัลบิตคอยน์ได้ ผู้เสียหายจึงให้ผู้ต้องหาที่ 1 โอนสกุลเงินดิจิทัลบิตคอยน์ให้กับผู้ใช้อินสตราแกรม ชื่อบัญชี เฉินคุณ จากนั้นได้หลอกลวงผู้เสียหายว่าผู้ต้องหาที่ 1 ได้ใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลของผู้ต้องหาที่ 2 โอนเงินไปยังบุคคลดังกล่าวแล้ว ทำให้กระเป๋าเงินดิจิทัลของผู้ต้องหาที่ 2 ถูกระงับการใช้งาน ได้รับความเสียหายคิดเป็นเงิน จำนวน 39,000,000 บาท โดยได้ร่วมกันส่งภาพถ่ายสำเนาบันทึกประจำวัน แจ้งกรณีถูกอายัดเงินดังกล่าวไปให้ผู้เสียหายดูทางแอปพลิเคชันไลน์ด้วย

ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลของผู้ต้องหาที่ 2 ถูกระงับจริง ทั้งที่ความจริงแล้วกระเป๋าเงินสกุลดิจิทัลของผู้ต้องหาที่ 1-2 ไม่ได้ถูกระงับการใช้งานแต่อย่างใด ผู้เสียหายจึงส่งมอบเงินให้กับผู้ต้องหาด้วยการซื้อแคชเชียร์เช็คสั่งจ่ายเงิน จำนวน 39,000,000บาท ให้กับผู้ต้องหาที่ 2 แล้วผู้ต้องหาที่ 1-2 ได้ร่วมกันนำแคชเชียร์เช็คดังกล่าวไปเข้าบัญชีธนาคารของผู้ต้องหาที่ 2 จากนั้นนายษิทรา, ผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหาที่ 2 ได้ร่วมกันเบิกถอนเงินสด จำนวน 39,000,000 บาท ดังกล่าว ออกจากบัญชีธนาคารของผู้ต้องหาที่ 2

ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาที่ 1 และผู้ต้องหา 2 ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ท้ายคำร้องพนักงานสอบสวน ขอคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษจำคุกและมูลค่าความเสียหายสูง หากผู้ต้องหาที่ 1 และที่ 2 ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวไป เกรงว่าจะหลบหนี และเข้าไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน และจะเป็นอุปสรรคหรือก่อให้เกิดความเสียหายต่อการสอบสวนของคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน

ศาลพิจารณาคำร้อง และสอบถามผู้ต้องหาแล้วไม่คัดค้าน จึงอนุญาตให้ฝากขังได้

โดยวันนี้ไม่ปรากฏว่า มีญาติ หรือทนายความมายื่นคำร้องขอประกันตัวผู้ต้องหาทั้งสองแต่อย่างใด ต่อมาเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้นำตัวนายนุวัฒน์ และน.ส.สารินี  ไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และทัณฑสถานหญิงกลางตามลำดับต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง