มีรายงานว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ อนุญาตให้ยูเครนสามารถใช้ ขีปนาวุธ "เอทีเอซีเอ็มเอส" (ATACMS) ซึ่งเป็นขีปนาวุธพิสัยไกลของสหรัฐฯ ในการสู้รบกับรัสเซียได้แล้ว โดยขีปนาวุธ "ATACMS" สามารถเคลื่อนที่ได้ไกลถึง 300 กิโลเมตร โดยสื่อสหรัฐฯ อ้างคำกล่าวของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เปิดเผยว่า การที่ไบเดนอนุมัติให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธชนิดนี้ได้ เพื่อตอบโต้ต่อการตัดสินใจของรัสเซีย ที่อนุญาตให้ทหารเกาหลีเหนือนับหมื่นนาย เข้าร่วมสู้รบในยูเครนได้ และอาจเป็นการทิ้งทวนในการสนับสนุนยูเครน ก่อนที่เขาจะหมดวาระการเป็นผู้นำสหรัฐฯ
ขณะที่ ประธานาธิบดี โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนกล่าวว่า สหรัฐฯ ไฟเขียวให้ใช้ขีปนาวุธจริงหรือไม่ ขอให้รอดูเอง เพราะขีปนาวุธพิสูจน์ได้ดีกว่าคำพูด
ด้าน เอียน เคลลี อดีตนักการทูตสหรัฐฯ เชื่อว่า การไฟเขียวให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกล สร้างความกังวลว่าสถานการณ์อาจบานปลาย จากการตอบโต้ของรัสเซีย ขณะเดียวกันก็ทำให้ยูเครนมีอำนาจต่อรองในการเจรจายุติสงครามมากขึ้น
ขณะที่ เมื่อวานนี้ กองทัพรัสเซีย ได้ยิงขีปนาวุธโจมตีอาคารที่อยู่อาศัย 9 ชั้น ในแคว้นซูมี ทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 2 คน บาดเจ็บอีก 52 คน และต้องอพยพประชาชนอีกกว่า 400 คน แต่เป้าหมายหลักในการโจมตีของรัสเซีย คือโรงงานผลิตไฟฟ้าและก๊าซธรรมชาติ เพื่อให้ยูเครนขาดแคลนพลังงานในการสร้างความอบอุ่นในช่วงฤดูหนาว
