มาดามอ้อย ให้ปากคำเพิ่ม ปมพินัยกรรม

View icon 24
วันที่ 20 พ.ย. 2567 | 16.41 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - หลังจากก่อนหน้านี้ "นายปานเทพ" ออกมาแฉข้อมูลเพิ่ม เรื่องการทำพินัยกรรมให้”มาดามอ้อย”ของ“ทนายตั้ม”ที่มีการใส่ชื่อตัวเองลงไปเป็นผู้จัดการมรดก วันนี้ มาดามอ้อย ได้เดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติมว่า เรื่องพินัยกรรม จะมีความเกี่ยวข้องกับคดีฉ้อโกงหรือไม่

มาดามอ้อย ให้ปากคำเพิ่ม ปมพินัยกรรม
เมื่อเวลา 10.15 น. ที่ผ่านมา นางสาวจตุพร อุบลเลิศ หรือ "มาดามอ้อย" พร้อมผู้ติดตามอีก 3 คน เดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติมที่กองบังคับการปราบปราม โดยมีผู้ติดตาม 3 คน ถือถุงอาหารจำนวนมาก คาดว่า เตรียมไว้สำหรับการรับประทานระหว่างการสอบปากคำ เนื่องจากกระบวนการอาจใช้เวลานานหลายชั่วโมง เมื่อมาถึง มาดามอ้อย ได้โบกมือและสวัสดีทักทายสื่อมวลชนที่รออยู่ แต่ไม่ได้ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด ก่อนจะเดินเข้าสู่ห้องสอบสวนทันที

ขณะที่พลตำรวจตรีสุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า ได้เชิญ นางสาวจตุพร มาให้ปากคำเพิ่มเติม กรณีเงิน 71 ล้านบาท ที่ถูกนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม และนางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาทนายตั้ม ฉ้อโกง โดยเน้นตรวจสอบคำให้การก่อนหน้านี้ว่ามีส่วนใดขาดตกบกพร่อง และเพื่อให้สำนวนการสอบสวนครบถ้วนสมบูรณ์

ส่วนประเด็นเรื่องการทำพินัยกรรมที่ให้ทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดกนั้น ในการสืบสวนที่ผ่านมาไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่วันนี้อาจสอบถามเพิ่มเติมว่า พินัยกรรมเกี่ยวข้องกับคดีในส่วนใดหรือไม่ ทั้งนี้ การเชิญให้ปากคำวันนี้มีเพียงมาดามอ้อยที่ตำรวจนัดหมายเพียงคนเดียวเท่านั้น

ทนายยัน มาดามอ้อย เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้ม
ส่วนประเด็นที่ทนายสายหยุด เพ็งบุญชู ทนายความของ นายษิทรา เบี้ยงบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ได้พูดคุยกับทนายของมาดามอ้อยในไกล่เกลี่ย เพื่อจะเยียวยามาดามอ้อยนั้น ล่าสุด นายสมชาติ พินิจอักษร ทนายความประจำตัวมาดามอ้อย เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเพียงคำพูดของทนายสายหยุด ไม่ได้ออกมาจากปากของทนายตั้ม ตนแจ้งให้มาดามอ้อย รับทราบแล้ว ซึ่งมาดามอ้อย มีสีหน้าปกติ และให้เอาผิดทนายตั้มตามปกติ เรื่องการเจรจา กับมุมของคดี ตนมองว่า มันแยกออกจากกัน หากจะเจรจาก็เจรจาได้ เพราะตามหลักการของกฎหมาย การพูดคุยทำได้หมด แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของกฎหมาย ในหลักปฏิบัติมีการพูดจาอยู่แล้ว เพราะขนาดสงครามยังมีการเจรจา สุดท้ายนี้ ขึ้นอยู่กับว่าทนายตั้ม จะแสดงออกอย่างอย่างไรกับผู้เสียหาย ส่วนมาดามอ้อย จะให้อภัยหรือไม่ก็แล้วแต่ แต่ขณะนี้ยืนยันว่าจะดำเนินคดีไปตามปกติ

ครูปรีชา เป็นพยานคดี ทนายตั้ม ฟ้องเพจ ออยศรี
ขณะเดียวกัน ช่วงเวลา 12.30 น.วันนี้ ที่ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายปรีชา ใคร่ครวญ หรือ ครูปรีชา เดินทางมาที่ศาลอาญารัชดา เพื่อเป็นพยาน ในกรณี เพจออยศรีและผองเผือก ถูกทนายตั้มฟ้องร้องในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา กรณีที่นำคลิปการสนทนาระหว่างทนายตั้ม กับครูปรีชา ในคดีสลาก 30 ล้านอลเวง มาโพสต์ลงในเพจ พร้อมระบุว่า นายษิทราเคยปลอมตัวไปคุยกับครูปรีชา

โดยครูปรีชา บอกว่า มายืนยันข้อมูลว่า เป็นเรื่องจริง เป็นเหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2560 เวลา 11.00 น. ที่โรงเรียนเทพมงคลรังษี ในขณะที่กำลังสอนอยู่ โดยทนายษิทรามากับทีมงานเป็นวัยรุ่น 2-3 คน แสดงตัวกับตนว่า มาจากดีเอสไอ ระบุว่า มาเป็นผู้ประสานงานระหว่างตนกับลุงจรูญ เพื่อไกล่เกลี่ยเรื่องที่เกิดขึ้น พร้อมขอดูโทรศัพท์ตน พร้อมกับแอบถ่ายคลิป ขณะพูดคุยกัน ซึ่งตอนนั้น ยังไม่ทราบว่า ทนายตั้มเป็นทนายให้กับลุงจรูญคิดว่า เป็นเจ้าหน้าที่รัฐจึงไม่ได้เอะใจอะไร

ครูปรีชา บอกว่า พฤติกรรมของทนายตั้มที่มีการแฝงตัวมาหาข้อมูลแล้วนำข้อมูลมาสู้คดีกับตนนั้น ถือว่า ผิดจรรยาบรรณทนายอย่างมาก และใช้วิชาชีพด้านทนายในทางที่ไม่ถูกต้อง ยืนยันว่า การมาเป็นพยานในวันนี้ มีการพูดคุยกันมาก่อนหน้านี้เป็นปีแล้ว ไม่ใช่มาซ้ำทนายตั้ม แต่อยากจะชี้แจงในข้อมูลที่เป็นความจริง ตนยืนยันว่า "ความจริงก็คือความจริง"

ด้าน "ออยศรีและผองเผือก" เผยว่า ในส่วนคดีของตนนั้น เมื่อวานทางศาลได้นัดสืบพยานฝ่ายโจทก์ ซึ่งทางทนายตั้มได้ส่งผู้รับมอบอำนาจมาแทน 1 คน วันนี้ศาลได้นัดสืบพยานทางจำเลย ซึ่งตนก็ได้รับความเมตตาจากครูปรีชา มาเป็นพยานให้ พร้อมมายืนยันข้อเท็จจริง หลังจากนี้ก็จะอยู่ในกระบวนการรอคำพิพากษา

สนธิ แฉแผน ทนายตั้ม หวังเป็นผู้จัดการมรดก
ขณะที่ช่วงเช้าวันนี้ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ไลฟ์ในรายการ "สนธิเล่าเรื่อง" ผ่านทางช่องยูทูบ Sondhitalk (สนธิทอล์ก) ในหัวข้อว่า "ตั้มนรกแตก!" ตอนหนึ่งระบุว่า ในการเจอกันครั้งล่าสุดระหว่างตนกับมาดามอ้อย เป็นการเจอกันครั้งที่ 3 โดยมาดามอ้อย เล่าถึงการที่ทนายตั้มต้องการเป็นผู้จัดการมรดกให้ พอได้เป็นเสร็จเรียบร้อยแล้วก็พยายามชวนมาดามอ้อยไปเที่ยวที่ต่าง ๆ ทั้งที่จังหวัดเชียงราย ล่องแพภาคใต้ และเขื่อนรัชชประภา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ไม่มีสัญญาณอินเทอร์เน็ต อ้างจะพาไปรู้จักตำรวจใหญ่ภาคใต้ แต่มาดามอ้อยไม่อยากไป มิเช่นนั้นอาจจะเกิดเหตุขึ้นได้ โดยที่ไม่มีใครคาดคิด เพราะถ้าสมมุติมาดามอ้อยเสียชีวิต นายษิทราก็จะเป็นผู้จัดการมรดก

ตั้งข้อพิรุธปมพินัยกรรม-แอบติดตั้งจีพีเอส
นายสนธิ ยังโชว์พินัยกรรม 2 ฉบับ ระบุว่า ทนายตั้มจัดทำพินัยกรรมให้มาดามอ้อย 2 ฉบับ ฉบับแรกทำวันที่ 9 เมษายน 2565 ไม่มีอะไรผิดสังเกต แต่ปัญหา คือ พินัยธรรมฉบับที่ 2 ที่จัดทำขึ้นใหม่วันที่ 7 สิงหาคม 2566 โดยมอบให้ลูกชายที่อยู่ต่างประเทศเพียงคนเดียว และมีทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดก หลังจากนั้นเริ่มไปซื้อรถเบนซ์ และแอบติดตั้งสัญญาณจีพีเอสรถ เพื่อตามว่ารถไปที่ใดบ้าง มีประวัติการล็อกอินเข้าดูจีพีเอสของรถ ล่าสุดเดือนกันยายนที่ผ่านมาภรรยาของทนายตั้มยังเข้าไปดูว่า รถเดินทางไปไหน 

นายสนธิ บอกว่า พินัยกรรม ฉบับที่ 2 ยังมีข้อพิรุธ เพราะทนายตั้มไม่ให้คู่ฉบับมาเก็บไว้ เมื่อมาดามอ้อยขอคืนคู่ฉบับ ทนายตั้ม ตอบกลับว่า ไม่ได้เก็บคู่ฉบับพินัยกรรมฉบับที่ 2 ไว้ อีกทั้งพินัยกรรมก่อนหน้านี้ ได้เพิกถอนทำลายหมดแล้ว โดยไม่ได้ไต่ถามผู้ทำพินัยกรรม อีกทั้งมาดามอ้อย ยืนยันว่า ในพินัยกรรมฉบับที่ 2 เดิมทีเนื้อหาไม่ได้มีรายละเอียดให้ทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดก ทนายตั้มใส่เอง

อีกทั้งไม่ได้ให้ลงลายเซ็นกำกับทุกหน้า ให้ลงนามเฉพาะหน้าสุดท้าย จึงอาจกล่าวได้ว่า พินัยกรรมฉบับที่ 2 เป็นพินัยกรรมปลอมที่ไม่ได้รับการยอมรับจากมาดามอ้อย และเชื่อว่า น่าจะมีพินัยกรรมฉบับที่ 1.5 ที่ถูกซุกซ่อนไว้ อาจรอจังหวะเปิดพินัยกรรมในช่วงเวลาเหมาะสม เช่น จมน้ำเสียชีวิตที่เขื่อนเชี่ยวหลาน หลังจากนั้น มาดามอ้อย รับทราบความไม่ชอบมาพากล จึงยกเลิกพินัยกรรมทุกฉบับ ไปทำพินัยกรรมฉบับที่ 3 จัดทำที่อำเภอ มีเจ้าหน้าที่รับรอง เพื่อไม่ให้พินัยกรรมฉบับเก่ามีผลผูกพันอีกต่อไป

พฤติกรรมของทนายตั้มจงใจหลอกลวงลูกความที่ไม่รู้เรื่องด้านกฎหมาย ไม่ใช่ฉ้อโกง แต่เป็นขบวนการวางแผนฉ้อโกง และสร้างหลักฐานเผื่อต้องสู้คดีล่วงหน้า

มาดามอ้อย มอบอำนาจให้ สนธิ จัดการทนายตั้ม
นายสนธิ ยังกล่าวถึงสัญญาการจ้างทำแอปพลิเคชันสลากออนไลน์ 71 ล้านบาทว่า ทนายตั้มได้แยกลายเซ็นผู้ว่าจ้าง กับผู้รับจ้างลงนามสัญญาคนละแผ่นกัน ไม่มีการเซ็นทุกหน้า เมื่อทนายตั้มได้ไฟล์มาแล้วก็ปรับแก้สัญญา เพราะหน้าสุดท้ายเว้นว่างไว้ครึ่งหน้า ไม่มีลายเซ็น นี่คือการเตรียมตัวฉ้อโกง และไม่มีการคืนสัญญาต้นฉบับและคู่ฉบับให้คู่สัญญา ทนายตั้มเก็บไว้คนเดียว ซึ่งเอกสารนี้ขึ้นศาลเมื่อไหร่เชื่อว่า น็อกคาศาลแน่

ตอนนี้ทนายตั้มเดินไปต่อไม่ได้แล้ว ทนายสายหยุด จึงโทรไปหาพี่น้อย เลขาฯมาดามอ้อย เสนอคืนเงินทั้งหมด 130 ล้านบาท แลกกับการถอนฟ้อง จึงขอถามว่า ทนายตั้มจะเอาเงินจากที่ไหนมาคืนตั้ง 130 ล้านบาท ตนเป็นคนนิสัยเสียอย่างหนึ่ง เวลาเข้าซอยแล้ว ต้องเดินไปให้สุดซอย โดยมาดามอ้อย มอบอำนาจเด็ดขาดให้ตนเพียงแต่ผู้เดียวว่า จะเดินสุดซอยหรือจะให้รับเงินคืน เรื่องของทนายตั้ม ถ้าตนเดินไม่สุดซอย ขอให้มีอันเป็นไปโดยเด็ดขาด

สนธิ จ่อยื่นสภาทนายความสอบ ตั้ม-เดชา
นายสนธิ บอกว่า ในวันพรุ่งนี้ (21 พ.ย.) เวลา 13.30 น. ตนและนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต จะเดินทางไปที่สภาทนายความ เพื่อยื่นหนังสือโดยตรง กรณีของทนายตั้มและทนายเดชาที่ทำผิดมรรยาททนายความ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง