หายตัวไป 5 วัน ถึงพบเป็นศพอยู่ในไร่อ้อย

หายตัวไป 5 วัน ถึงพบเป็นศพอยู่ในไร่อ้อย

View icon 400
วันที่ 20 พ.ย. 2567 | 20.36 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
ชายวัย 68 ปี หายตัวไปนาน 5 วัน ก่อนเข้าฝันญาติบอกมาเก็บผักบุ้งในหนองน้ำที่เคยเก็บ และฝากบอกลูกสาว ให้ดูแลแม่ ก่อนพบเป็นศพในไร่อ้อย

เมื่อเวลา 17.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มัญจาคีรี รับแจ้งจากชาวบ้านหนองโน ม.5 ต.กุดเค้า อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น ว่า มีผู้เสียชีวิตในไร่อ้อย ด้านทิศเหนือของบ้านหนองโน

ที่เกิดเหตุ บริเวณถนนกลางป่าอ้อย เขตพื้นที่บ้านหนองโน เขตรอยต่อ อ.โคกโพธิ์ชัยและมัญจาคีรี พบรถกระบะ สีน้ำเงิน ตกอยู่ข้างทางในป่าอ้อย กระจกรถเปิดไว้ทั้งสองข้าง และประตูรถฝั่งคนขับเปิดทิ้งไว้ หลังกระบะพบเสื่อ กล้วย และกระติกน้ำแข็ง ส่วนในรถพบกุญแจรถเสียบคารูกุญแจในตำแหน่งสตาร์ต และเกียร์รถก็อยู่ในตำแหน่งเกียร์ถอยหลัง ไม่พบร่องรอยการต่อสู้

ส่วนที่บริเวณล้อหน้าด้านขวา พบร่างผู้เสียชีวิต สวมเสื้อยืดน้ำเงินแขนยาว กางเกงขายาวสีดำสวมรองเท้าบูท อยู่ข้างประตูรถฝั่งคนขับ ในสภาพขาข้างขวาถูกล้อหน้าเหยียบจนถึงโคนขา ขาซ้ายพาดอยู่ขอบล่างของประตู ศพเน่าเปื่อย ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่ว เจ้าหน้าที่ตำรจและ ศพฐ.4 ได้ร่วมกันตรวจรอบบริเวณดังกล่าว พบเหล็กยกแม่แรง และแม่แรงตกอยู่ใกล้กับรถ

โดยทราบชื่อผู้เสียชีวิตต่อมาคือ นายหนูเพน อายุ 68 ปี ชาวบ้านโนนสะอาด ต.นาแพง อ.โคกโพธิ์ไชย จ.ขอนแก่น เบื้องต้นเสียชีวิตมาแล้วประมาน 5 วัน
 
ด้านนางบุญเลี้ยง อายุ  62 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิตพร้อมลูกสาว ลูกเขยและญาติพี่น้อง ที่มาดูจุดที่พบศพ กล่าวว่า ก่อนจะพบเป็นศพนั้น ในทุก ๆ เช้าและเย็นของทุก ๆ วัน สามีจะพามาขายผักสดที่ตลาดสดมัญจาคีรี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพืชผักที่เก็บจากธรรมชาติ ทั้งผักบุ้งนา ปลีกล้วย ใบตอง  ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด โดยเมื่อเวลาประมาณ 11.00-12.00 น. ของวันที่ 15 พ.ย. 67 สามีได้ไปส่งตะไคร้ให้ตนที่ตลาด จากนั้นก็บอกว่าจะไปขุดตะไคร้ เตรียมมาส่งให้ลูกค้าในวันต่อไป พร้อมทั้งบอกอีกว่าจะไปหาลูกสาวที่นา

ช่วงเย็นกลับถึงบ้าน ก็ไม่เห็นสามี จึงคิดว่านอนอยู่ที่น่ากับลูกหลาน จนถึงเช้าวันที่ 16 พ.ย. ก็ยังไม่เห็นสามี จึงโทรศัพท์ไปถามลูกสาว ๆ ก็บอกว่า พ่อไม่ได้ไปหา จากนั้นก็ออกตามหาตามญาติพี่น้อง และเพื่อนสนิท เนื่องจากสามีเป็นอดีตข้าราชการครู อาจจะขับรถไปหาเดพื่อน แต่ไม่มีใครพบเจอ ติดต่อทางโทรศัพท์ โทรติด แต่ไม่มีคนรับสาย จึงได้แจ้งความคนหายที่ สภ.มัญจาคีรี และ สภ.โคกโพธิ์ไชย ทั้งยังพยายามติดต่อทางโทรศัพท์กับสามี ตลอดเวลา 3 วันแรกมีสัญญาณโทรติดตลอด แต่ไม่มีคนรับสาย พอวันที่ 4 ช่วงเช้าติดต่อไม่ได้ แต่ช่วงบ่ายโทรติด แต่ไม่มีคนรับสาย จากนั้นก็ติดต่อไม่ได้อีกเลย

นางบุญเลี้ยง กล่าวอีกว่า ตั้งแต่ติดต่อสามีไม่ได้ ได้ไปหาหมอดู เพื่อดูว่า สามีปลอดภัยหรือไม่ หมอดูบอกว่า สามีนอนอยู่ในป่าอ้อย ป่าหญ้ารก หากพบตัวก็จะพบเป็นศพแล้ว คนในครอบครัวก็รู้สึกไม่สบายใจ พากันออกตามหาตามป่าอ้อยในพื้นที่ อ.โคกโพธิ์ไชยทุกวัน แต่ไม่พบทั้งรถทั้งคน

กระทั่งช่วงเช้าวันที่ 20 พ.ย. ญาติได้บอกกับลูกเขยว่า ฝันเห็นสามีมาบอกว่า ให้ดูแลตน เพราะยังเก็บผักบุ้งในหนองน้ำใกล้ป่าอ้อยไม่เสร็จ จึงยังกลับบ้านไม่ได้ ลูกเขยจึงบอกตน ตอนนั้นยังไม่เอะใจ แต่ทางญาติได้ให้สามีของเขาเดินไปดูที่หนองน้ำ ที่สามีของตน เคยเก็บผักบุ้งนำไปขาย ก็เห็นรถกระบะคันที่สามีขับ ตกอยู่ข้างทาง จึงรีบโทรศัพท์มาบอกตน ตนจึงให้ลูกพาไปดู จึงพบร่างสามี นอนเสียชีวิตอยู่ข้างรถ จึงได้แจ้งตำรวจมาตรวจที่เกิดเหตุและชันสูตรศพ

“จากสภาพศพ คิดว่า สามีน่าจะขับรถมายังหนองน้ำที่เคยมาเก็บผักบุ้ง แต่ขับรถจักรยานยนต์พ่วงข้างมา ไม่เคยเอารถยนต์มา ครั้งนี้สามีมาคนเดียวเอารถยนต์มา อาจจะมาถึงแล้วมืด ข้างทางมีร่องน้ำที่ไหลจากคลอง จึงไปต่อไม่ได้ คาดว่าน่าจะถอยรถกลับทางเดิม ด้วยความมืด รถจึงตกลงไปในป่าอ้อยข้างทางที่มีหญ้าขึ้นรถ ไม่มีผู้คนผ่านเพราะเป็นถนนกลางไร่อ้อย จึงไม่มีคนพบเห็น สามีน่าจะพยายามใช้แม่แรงยกรถขึ้น โดยใช้ขาซ้ายเยียบคันเร่ง แต่รถไหลทับขาขวา จนถึงโคนขา บาดเจ็บ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ทำให้เสียชีวิต  ซึ่งในเบื้องต้น ครอบครัวก็ติดใจการตาย เพราะไม่เห็นโทรศัพท์ จึงอาจจะเป็นไปได้ว่าสามีถูกฆาตกรรม แต่หลังหลังแพทย์ชันสูครศพ และค้นในรถก็พบโทรศัพท์อยู่ในลิ้นชักรถยนต์ ครอบครัวจึงหายสงสัย และครอบครัวขอรับศพสามีกลับไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี”

ขณะที่ น.ส.ริตา อายุ 45 ปี  ลูกสาว กล่าวว่า วันที่ 15 พ.ย. 67 ที่ผ่านมา พ่อไปส่งตะไคร้ให้แม่ที่ตลาด และมีชาวบ้านเห็นพ่อตอน 5 โมงเย็น พ่อไปขอถุงปุ๋ยเพื่อจะเอาไปใส่ตะไคร้ หลังจากนั้นก็หายตัวไป ซึ่งหลังพ่อหายไปก็ได้พูดคุยกับแม่ พร้อมทั้งออกตามหา ประกาศตามหาในโซเชียลก็ไม่เจอ ไม่มีใครแจ้งเข้ามา ได้ออกตามหาพ่อได้โทรศัพท์หาพ่อตลอด ซึ่งโทรติดแต่ไม่มีคนรับ กระทั่งช่วงเช้าวันอาทิตย์โทรหาไม่ติด แต่ช่วงบ่ายโทรติดไม่มีคนรับอีก จึงคิดว่าพ่อจะใช้โทรศัพท์หรือมีคนอื่นใช้โทรศัพท์พ่อหรือไม่ ทำให้เกิดความสงสัยแต่ก็ภาวนาไม่อยากให้เป็นการฆาตกรรม เพราะพ่อเป็นคนทำไร่ทำสวน หาตะไคร้ไปส่งขายที่ตลาดไม่เคยมีเรื่องกับใคร ถ้าพ่อออกจากตลาดตามที่มีชาวบ้านเห็น ตอนเย็นก็คงจะมืดแล้ว มาตรงนี้อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้จากความมืด

โดยก่อนพบศพพ่อนั้น มีญาติฝันเห็นพ่อมาเก็บผักบุ้งที่หนองน้ำใกล้จุดเกิดเหตุ พ่อฝากให้มาบอกให้ตนดูแลแม่ให้ด้วย กระทั่งช่วงเช้าวันที่ 20 พ.ย. ญาติให้สามีพามาดูที่หนองน้ำ จุดที่ฝันเห็นและพ่อเคยมาเก็บผักบุ้ง ก็เห็นรถของพ่อ จึงรีบโทรมาบอกตน ตนพร้อมสามี จึงพาแม่มาดูที่รถ ซึ่งหลังพบศพพ่อ และโทรศัพท์ของพ่อแล้ว จึงหายสงสัยในประเด็นฆาตกรรม และรับศพพ่อกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง