ข่าวเย็นประเด็นร้อน - เมื่อวาน "มาดามอ้อย" เดินทางเข้าปากคำเพิ่มเติม ถือเป็นครั้งที่ 5 โดยครั้งนี้เข้าให้ปากคำนานกว่า 12 ชั่วโมง ก่อนเดินทางกลับประเทศฝรั่งเศส ในวันนี้ (21 พ.ย.) โดย "มาดามอ้อย" ยืนยันว่า จะดำเนินคดีกับ ทนายตั้ม จนสุดซอย
"มาดามอ้อย" ลั่นไปสุดซอยเอาผิด "ทนายตั้ม"
เมื่อวาน (20 พ.ย.) นางสาวจตุพร อุบลเลิศ หรือ มาดามอ้อย เดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติมกับตำรวจสอบสวนกลาง หลังจากถูก นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต เข้าให้ปากคำกับตำรวจก่อนหน้านี้ อ้างว่า นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ได้ใส่ชื่อตัวเองเป็นผู้จัดการมรดก โดยตำรวจใช้เวลาสอบสวนนานกว่า 12 ชั่วโมง หลังให้ปากคำ มาดามอ้อย ยืนยันว่า จะเดินหน้าดำเนินคดีกับ นายษิทรา ให้ถึงที่สุด ไปให้สุดซอย พร้อมระบุว่า จะเดินทางกลับประเทศฝรั่งเศส ในวันนี้ (21 พ.ย.)
แจงปมมรดก "มาดามอ้อย" ยังไม่พบความผิด
ขณะที่ พลตำรวจตรี สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวถึงการสอบปากคำ มาดามอ้อย เมื่อวานนี้ (20 พ.ย.) ว่า เป็นการสอบถามบางประเด็นที่เคยสอบไปแล้วก่อนหน้านี้ ให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น เพราะ มาดามอ้อย จะเดินทางกลับต่างประเทศ เกรงว่าจะมีความยากลำบากในการสอบสวน หากยังมีประเด็นตกหล่น ประเด็นหลัก ๆ ที่สอบ ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเดิม ๆ ในเส้นเงิน 4 ประเด็น คือ ฉ้อโกงเงิน 71 ล้านบาท ลงทุนแพลตฟอร์มสลาก, ค้าจ้างออกแบบโรงแรม 9 ล้านบาท, ค่าซื้อรถเบนซ์ 13 ล้านบาท และเงิน 39 ล้านบาท ที่โอนให้คนสนิททนายตั้ม จากการพูดคุยกับพนักงานสอบสวน พบว่า หลักฐานค่อนข้างชัดเจนทุกเรื่อง ต้องนำมาวิเคราะห์กันอีกทีว่า ใครมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดเพิ่มหรือไม่ เพราะคดีนี้มีความผิดหลายกรรม
ส่วนประเด็นเรื่องพินัยกรรม และเรื่องที่ให้ ทนายตั้ม เป็นผู้จัดการมรดก จากการสอบปากคำยังไม่มีความผิดอะไรที่ปรากฏขึ้น ส่วนเรื่องการติดจีพีเอสบนรถที่ ทนายตั้ม เป็นผู้ซื้อให้ นางสาวจตุพร เบื้องต้นที่ได้รับข้อมูลมาว่า เป็นจีพีเอสที่มีในรถอยู่แล้ว หากใครซื้อรถก็จะได้ไอดีในการล็อกอิน เบื้องต้นเรื่องนี้กำลังตรวจสอบเพิ่มเติมอยู่ ส่วนพยาน 2 คน คือ พี่สาวเมียทนายตั้ม และคนสนิททนายตั้ม ไม่ได้มีการกันใครไว้เป็นพยาน ขณะนี้เป็นการรวบรวมพยานหลักฐานให้ครบถ้วน และพิจารณาอีกครั้งว่าใครมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดหรือไม่ หรือเป็นแค่ส่วนหนึ่งในเหตุการณ์นั้น แต่ไม่มีเจตนาร่วมด้วย ทุกอย่างจะทำด้วยความรอบคอบ
"สนธิ" ร้องสภาทนายความปลด "ทนายตั้ม-ทนายเดชา"
จากนั้นช่วง 13.30 น.นายสนธิ ลิ้มทองกุล และ นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ได้ไปยื่นหนังสือต่อสภาทนายความ เพื่อให้พิจารณาการกระทำความผิดมรรยาททนายความของ ทนายตั้ม และ ทนายเดชา โดย นายสนธิ บอกว่า วันนี้เดินทางมา 2 เรื่อง คือ 1.ตน และ นายปานเทพ ได้รับมอบอำนาจจากมาดามอ้อย และคุณน้อย เพื่อกล่าวโทษ ทนายตั้ม ว่า ผิดจรรยาบรรณ ไร้จริยธรรม ขอให้คณะกรรมการมรรยาททนายความ พิจารณาดำเนินการเท่าที่เห็นสมควรว่า จะพักใบอนุญาต และถอดถอนใบอนุญาต และ 2.กล่าวหา ทนายเดชา ว่า ทำผิดจรรยาบรรณ มรรยาททนาย เพราะกล่าวหาตนฉ้อโกง และตบทรัพย์โดยไม่มีหลักฐาน เพื่อให้สภาทนายความพิจารณาด้วย
ส่วนเรื่องคดีทนายตั้ม นายสนธิ ได้โชว์ใบมอบอำนาจเด็ดขาดที่มาดามอ้อยมอบให้ตน มีอำนาจในการดำเนินคดีทนายตั้ม รวมถึงมีอำนาจในการแต่งตั้งทนายความ ยืนยันว่า จะไม่มีการเจรจากัน ขอใช้คำว่า สุดซอย แต่ถ้าซอยตัน ก็จะทะลุซอยต่อไป ตอนนี้มีโอกาสที่ ทนายตั้ม อาจโดนข้อหาอั้งยี่ ซ่องโจรด้วย ซึ่งเป็นคดีที่ยอมความไม่ได้
จ่อยื่นสอบ "ทนายตั้ม-พี่สาวเมีย" ปมเลี่ยงภาษี
นายสนธิ ยังบอกว่า ในเดือนธันวาคม ตนจะไปยื่นกรมสรรพากร ว่าเงิน 71 ล้านบาท ที่ทนายตั้มได้รับ เสียภาษีถูกต้องหรือไม่ และเมื่อ มาดามอ้อย ว่าจ้าง ทนายตั้ม เดือนละ 300,000 บาท แต่กลับให้โอนเงินให้พี่สาวเมีย คือ คุณดาว รวมสัญญา 1 ปี เป็นเงิน 3.6 ล้านบาท คุณดาว ได้เสียภาษีบ้างหรือไม่ และตรวจสอบเส้นทางการเงินของคุณดาวด้วย เพราะคุณดาวอาจเป็นตัวกลางคอยรับเงิน
จี้ ตร.สอบปมสัญญา 71 ล้านบาท-พินัยกรรม
นายปานเทพ กล่าวเพิ่มเติมว่า ขอตั้งข้อสังเกตเรื่องการทำสัญญาลงทุนทำแพลตฟอร์มสลากออนไลน์ ที่ ทนายตั้ม มีการปรับไฟล์เอกสารก่อนลงนาม วิธีการลงนามแยกผู้ว่าจ้างกับผู้รับจ้างคนละแผ่น ทำให้แก้ไขดัดแปลงเอกสารได้ จึงขอเรียกร้องให้ตำรวจตรวจสอบเพิ่มเติมว่า มีการตัดแต่งเอกสารสัญญา 71 ล้านบาท ขึ้นมาใหม่หรือไม่ และมีทนายสายหยุดร่วมด้วยหรือไม่
ส่วนเรื่องพินัยกรรม อยากให้ตำรวจสืบสวนสอบสวน เรื่องที่ ทนายตั้ม อ้างว่า ทำลายพินัยกรรมแล้ว ยังมีพินัยกรรมหลงเหลืออยู่ไหม เพราะแม้ว่า มาดามอ้อย จะทำพินัยกรรมฉบับใหม่ไปแล้ว แต่ถ้าใบปะหน้า แยกออกจากใบที่มีลายเซ็น ก็สามารถผลิตใหม่ได้ จึงต้องหาหลักฐานว่า มีการซ่อนพินัยกรรมที่ มาดามอ้อย ไม่ยินยอมให้ ทนายตั้ม เป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่
จี้สอบทรัพย์สินคนใกล้ชิด "ทนายตั้ม"
นายปานเทพ ยังเปิดเผยชื่อตัวละครใหม่ โดยระบุว่า ก่อน ทนายตั้ม จะถูกจับ ได้ไปแวะที่หน้าบ้าน หรืออาจจะเข้าไปในบ้านของ "แจ็ค" คนใกล้ชิด หรือเป็นญาติพี่น้อง จึงอยากให้ตำรวจควรตรวจสอบทรัพย์สินคนใกล้ชิดด้วย ก่อน ทนายตั้ม ถูกจับด้วยว่าเกี่ยวพันมากแค่ไหน
ส่วนเรื่องเส้นทางการเงิน 39 ล้านบาท พบว่า มีการถอนเงิน และแบ่งเงินกันหน้าเคาน์เตอร์ โดยแบ่ง 20 ล้านบาท ให้กับคนขับรถชื่อ "เล็ก" ที่เป็นอดีตทหารและเป็นลูกความทนายตั้ม และ "ดาว" พี่สาวภรรยาทนายตั้ม ขึ้นรถแล้วนำเงินไปส่งที่บ้านเก่าทนายตั้ม ย่านพุทธมณฑลสาย 4 ส่วนเงินอีก 19 ล้านบาท ถูกแบ่งให้กับ นายนุ และ นางสาวสา 19 ล้าน ซึ่ง นายเล็ก กับ นางสาวดาว ให้การเป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่ แต่ตำรวจบอกว่า อาจจะมีผู้ต้องหาเพิ่มอีก 2 ราย
นายปานเทพ เชื่อว่า บัญชีของดาว น่าจะมีเงินหมุนเวียนประมาณ 50 ล้านบาท จริงหรือไม่ว่า มีการบงการให้ ดาวถอนเงินสดทีละ 1.9 ล้านทุกวัน เพื่อไม่ต้องรายงานต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) จนหมดบัญชี ถ้าทำนางสาวดาวต้องให้การว่า เงินทั้งหมดอยู่ที่ไหน
นอกจากนี้ ยังมีอีกบุคคลหนึ่งที่ยังไม่ปรากฎต่อการสืบสวน และสื่อมวลชน คือ พี่สาวทนายตั้ม ที่ชื่อ "อ้อ" อยากให้ตรวจสอบว่า มีความเกี่ยวพันกับทรัพย์สินของทนายตั้มหรือไม่ เพราะลูกสาวของอ้อ ที่ชื่อ "เดียร์" ทนายตั้ม เคยชักชวน อยากให้ "เดียร์" ลูกสาวของอ้อ แต่งงานกับลูกชายของมาดามอ้อย ถึงขนาดซื้อดอกไม้ 9,000 บาท ให้ลูกชายมาดามอ้อย มามอบให้กับเดียร์ แต่เงินซื้อดอกไม้ก็เป็นเงินของพี่อ้อย
"สนธิ" ปล่อยคลิป "เปิดแผนฮุบสมบัติพี่อ้อย"
ขณะในช่องทางโซเชียล เวลา 09.00 น. ยูทูบช่อง สนธิทอล์ก ได้โพสต์คลิปเปิดใจพี่อ้อย EP.1 ในชื่อเรื่อง "เปิดแผนฮุบสมบัติพี่อ้อย" เป็นคลิปการพูดคุยกับมาดามอ้อย และพี่น้อย เลขาฯ เล่าว่า ระหว่างที่จ้างทนายตั้มเป็นที่ปรึกษากฎหมาย ได้ให้ทนายตั้มทำพินัยกรรมขึ้นมา 2 ครั้ง ครั้งแรก ทำที่สำนักงานษิทรา ลอว์ เฟิร์ม และครั้งที่ 2 ทำที่บ้านของมาดามอ้อย ซึ่งฉบับที่ 2 ได้มีการระบุว่าให้ทนายตั้มเป็นผู้จัดการมรดกให้ ส่วนกรณีที่ทนายตั้มชวนไปเที่ยวเขื่อนเชี่ยวหลาน ตอนนั้นไม่ไป เพราะกลัว และมันยากลำบากจึงไม่อยากจะไป สุดท้ายยกเลิกพินัยกรรม และทำพินัยกรรมใหม่หมด โดยทำที่อำเภอ ส่วนพินัยกรรมฉบับเก่า ทนายตั้มไม่ให้ เขาบอกว่า ทำลายหมดแล้ว แต่เขาไม่รู้ว่า มาดามอ้อยทำพินัยธรรมใหม่แล้ว
เผยคนขับรถสารภาพขนเงิน 20 ล้านบาท
จากนั้นเวลา 15.00 น. ช่องยูทูบ สนธิทอล์ก ได้โพสต์คลิปเปิดใจมาดามอ้อย EP.2 ใช้ชื่อเรื่องว่า "39 ล้าน สารภาพหมดไส้ คนขับรถทนายตั้ม" โดย มาดามอ้อย และ พี่น้อย เลขาฯ ได้เปิดใจถึงเรื่องเงิน 39 ล้านบาท ยอมรับว่า เชื่อสนิทใจ คิดว่าโอนเงินไปแล้ว เพราะ ทนายตั้ม เป็นคนนำใบบันทึกประจำวันมาให้ เพิ่งมารู้ตอนตำรวจสอบสวน ก่อนหน้านี้แทบไม่สงสัยเลย ตำรวจบอกว่า ไม่ได้โดนดูดเงิน และเงินยังคงอยู่ ไม่ได้โอนไป มีการโอนจริง ๆ เพียงแค่ 100,000 กว่าบาทเท่านั้น ส่วนเรื่องคนขับรถทนายตั้ม เป็นคนโทรมาบอกว่า โดนเรียกสอบ และรับสารภาพหมดแล้ว ยอมรับว่า เป็นคนไปขนเงิน 20 ล้านบาท ใส่กระเป๋ามาเอง