ไวรัสซิการะบาดหลายจังหวัดในภาคอีสาน เตือน! คนท้องต้องระวัง หากติดเชื้ออาจทำให้ทารกพิการได้
วันนี้ (22 พฤศจิกายน 2567) นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา กล่าวถึงโรคติดเชื้อไวรัสซิกา ว่า โรคนี้มียุงลายเป็นพาหะนำโรค เช่นเดียวกับโรคไข้เลือดออก และโรคไข้ปวดข้อยุงลาย ซึ่งทำให้ผู้ป่วยมีผื่นแดงตามลำตัวและแขนขา มีไข้ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ตาแดง และที่สำคัญคือ สามารถติดต่อจากมารดาสู่ทารกในครรภ์ เพราะหากแม่ติดเชื้อไวรัสซิกาแล้ว อาจส่งผลให้เด็กมีภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เกิดความพิการทางสมองและระบบประสาท ส่งผลให้ทารกเมื่อคลอดออกมามีความผิดปกติ เช่น ศีรษะเล็ก การได้ยินผิดปกติ และพัฒนาการช้า เป็นต้น ดังนั้น หญิงตั้งครรภ์จะต้องเฝ้าระวังและป้องกันตนเองเป็นพิเศษ
ซึ่งสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสซิกาในเขตสุขภาพที่ 9 ระหว่างวันที่ 7 มกราคม - 15 พฤศจิกายน 2567 พบผู้ป่วยสะสม 53 ราย เมื่อแยกเป็นรายจังหวัด พบว่า จังหวัดสุรินทร์ มีผู้ป่วยสะสมมากสุด จำนวน 40 รายรองลงมาคือ จังหวัดชัยภูมิ มีผู้ป่วยสะสม 9 ราย , จังหวัดนครราชสีมา มีผู้ป่วยสะสม 2 ราย และจังหวัดบุรีรัมย์ มีผู้ป่วยสะสม 2 ราย โดยกลุ่มอายุที่ป่วยสูงสุดคือ กลุ่มอายุ 10-14 ปี รองลงมาคือ กลุ่มอายุ 40-49 ปี และกลุ่มอายุ 15-19 ปี ตามลำดับ
จึงขอแนะนำให้ประชาชนควรป้องกันตนเองอย่าให้ถูกยุงกัดด้วยการทายากันยุง และให้สังเกตอาการป่วยของตนเองและคนในครอบครัว หากมีไข้ มีผื่นแดง เยื่อบุตาอักเสบ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง โดยเฉพาะยาลดไข้ในกลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน ไดโครฟีแนก แอสไพริน รวมถึงยาชุด ให้รีบพาผู้ป่วยไปพบแพทย์หรือสถานบริการสาธารณสุขที่อยู่ใกล้บ้าน เพื่อได้รับการรักษาที่ถูกต้องรวดเร็ว จะช่วยลดโอกาสการเสียชีวิตได้
สำหรับหญิงตั้งครรภ์ ให้ไปฝากครรภ์ตลอดระยะเวลาที่ตั้งครรภ์จนกว่าจะคลอด หากตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสซิกา ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดโดยสูตินรีแพทย์ ส่วนในชุมชน ขอให้ค้นหาหญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ติดเชื้อแล้วทารกจะมีโอกาสพิการศีรษะเล็กได้
และขอให้ช่วยกันกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายในบริเวณบ้าน และรอบๆ ชุมชน โดยใช้มาตรการ 3 เก็บป้องกัน 3 โรค คือ 1) เก็บบ้าน ให้สะอาดไม่ให้ยุงลายเข้ามาเกาะพัก 2) เก็บขยะ ภายในบริเวณบ้านและชุมชน ให้เรียบร้อยไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย 3) เก็บน้ำ เก็บภาชนะกักเก็บน้ำให้มิดชิดเพื่อป้องกันยุงลายลงไปวางไข่ รวมถึงทายากันยุง และนอนในมุ้งหรือห้องที่มีมุ้งลวดกันยุง เพื่อป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสซิกา โรคไข้เลือดออก และโรคไข้ปวดข้อยุงลาย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422