ห้องข่าวภาคเที่ยง - ทำเอาร้อน ๆ หนาว ๆ กันไปข้างหนึ่ง เมื่อมีการส่งซิกจาก "ทนายสายหยุด" มาตั้งแต่เมื่อวาน ว่าจะไม่รับทำคดีให้กับ "ทนายตั้ม" แล้ว จริงไม่จริง เจ้าตัวมีคำตอบแน่ ๆ แต่การไม่มี "ทนายสายหยุด" เป็นคนทำคดี มันจะส่งผลต่อเรื่องนี้อย่างไร มีคนไกด์คำตอบให้คร่าว ๆ
หลังมีกระแสข่าวจะไม่ทำหน้าที่เป็นทนายความให้ "ทนายตั้ม" ถ้า "ทนายสายหยุด" ตัดสินใจว่าจะทำตามนี้จริง ก็ต้องไปบอกกับ "ทนายตั้ม" ในเรือนจำ
เพื่อนสนิทอย่าง "ทนายเดชา" ก็บอกตามตรง ว่าแนวโน้มที่จะไม่รับทำคดีให้จริง ๆ สูงมาก เพราะ "ทนายสายหยุด" ไม่สบายใจในการทำคดีนี้มาพักใหญ่ ๆ แล้ว และให้ข้อสังเกตด้วยว่า จริง ๆ แล้ว "ทนายตั้ม" ก็มีทีมกฎหมาย ต่อให้ "ทนายสายหยุด" ไม่ทำหน้าที่นี้ต่อ ก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อคดีนี้มากนัก
เรื่องนี้ผู้สื่อข่าวให้ข้อมูลเพิ่มน่าสนใจเหมือนกัน ว่าตลอด 1 สัปดาห์ที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อที่จะเกาะติดดูทั้งคดี ทนายตั้ม และคดีดิไอคอนกรุ๊ป ก็จะเจอรถยนต์เอนกประสงค์คันหนึ่ง สีขาว เลขทะเบียนเดิม ขับเข้า-ออก เรือนจำนี้ทุกวัน และยังเป็นคันเดียวกับที่เคยพาพนักงานบริษัทของ "ทนายตั้ม" และญาติ ไปติดต่อกับตำรวจอยู่บ่อย ๆ จึงสงสัยว่า จะเป็นไปได้หรือไม่ ที่ "ทนายสายหยุด" อาจไม่ใช่ทนายความหลักในคดีนี้มาตั้งแต่แรก
แล้วเรื่องนี้ส่งผลกระทบกับคดีนี้อย่างไรหรือไม่ สอบถามไปทาง รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ที่รับผิดชอบดูแลภาพรวมคดี ก็ยืนยันว่าไม่กระทบ เพราะตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานไปได้กว่า 80-90% แล้ว
และก็ยังไม่มีเหตุจำเป็นอะไร ที่ต้องเรียก "ทนายสายหยุด" มาให้ปากคำด้วย ส่วนเรื่องที่มีกระแสข่าวว่า ตำรวจจะแจ้งข้อหา "เป็นตัวการฟอกเงินฉ้อโกงเป็นปกติธุระ" ตอนนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะทำได้ในสัปดาห์นี้ หรือสัปดาห์หน้า ซึ่งการจะเข้าไปแจ้งข้อหานี้ ก็ต้องถาม "ทนายตั้ม" ด้วยว่า มีทนายความร่วมรับฟัง หรือไม่ เพราะหากไม่มี แล้วประสงค์อยากมีทนายความ ก็ต้องประสานไปยัง สภาทนายความ เพื่อขอทนายมาร่วมรับฟังด้วย
ข้อมูลตามรายงานข่าว ระบุว่า เหตุที่ "ทนายสายหยุด" ตัดสินใจว่าจะถอนตัวนั้น เกี่ยวข้องกับเรื่องคดีเงิน 71 ล้านบาท ที่พบว่าข้อมูล และพยานหลักฐานที่ให้มา มีจุดที่ชวนน่าสงสัย ทั้งเรื่องเอกสารฉบับร่าง ไม่มีลายเซ็น มีการดัดแปลงแก้ไขเพิ่มเติม แล้วไหนยังจะไปสอดคล้องกับข้อมูลที่ นายสนธิ และ อาจารย์ปานเทพ มีอยู่ในมืออีก เจอกระแสสังคมอีก เลยน่าจะเลือกถอย เพราะเหตุผลนี้
เช่นเดียวกับ "ทนายพัช" ที่ไปยื่นขอถอนตัวจากการเป็นทนายให้กับ นางสรารัตน์ หรือ "แอม ไซยาไนด์" ก่อนที่พรุ่งนี้จะไปดำเนินคดีกับ "แอม" ฐานแจ้งความเท็จ ก็ด้วยเหตุผลเดียวกัน คือลูกความปกปิดข้อเท็จจริง ทำให้ทนายความสู้คดียาก แต่ก็มีรายงานข่าวตามมาด้วยกว่า กรณีของ "ทนายพัช" อัยการเจ้าของสำนวน จะอุทธรณ์ขอให้เพิ่มโทษ "ทนายพัช" ด้วย