ไกด์ โอรส มอบตัวคดีทำร้ายลุงขับแท็กซี่ ยกมือไหว้ขอโทษ

View icon 13
วันที่ 25 พ.ย. 2567 | 16.07 น.
ข่าวเย็นประเด็นร้อน
แชร์
ข่าวเย็นประเด็นร้อน - วัยรุ่นหัวร้อนที่ทำร้ายร่างกายลุงขับรถแท็กซี่ เข้ามอบตัวแล้ว ยกมือไหว้ขอโทษ บอกไม่ได้ตั้งใจ

ไกด์ โอรส มอบตัวคดีทำร้ายคนขับรถแท็กซี่
เพจเฟซบุ๊กอยากดังเดี๋ยวจัดให้ โพสต์คลิปคุณลุงขับรถแท็กซี่วัย 70 ปี ถูกวัยรุ่นทำร้าย เรียกลงมาจากรถ แล้วเตะเสยเข้ายอดหน้า นอนนิ่งกับพื้น ก่อนจะลุกขึ้นเดินเซไปขึ้นรถ มีเลือดหยดเป็นทาง อาการของลุงบาดเจ็บโครงหน้าหัก กรามแตก 2 ข้าง ตอนนี้ยังไม่ออกจากโรงพยาบาล ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีญาติ เหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 19 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา

ล่าสุดชายคนที่ก่อเหตุ นายธีรภัทร อายุ 25 ปี ฉายา "ไกด์ โอรส" มากับพ่อ เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.บางยี่ขัน ยอมรับผิดและยกมือไหว้ขอโทษคุณลุง พร้อมเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ตัวเองหัวร้อน นึกว่าลุงจะหยิบขวดเครื่องดื่มชูกำลังมาทำร้าย จากนั้นเหตุการณ์ก็เป็นไปตามคลิป ยืนยันไม่ได้เมา ไม่ได้เล่นยา กราบขอโทษในสิ่งที่ทำลงไป หลังจากเสร็จเรื่องคดีความ ก็จะบวชให้แม่

ย้อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง หลังเกิดเหตุทำร้ายลุงขับแท็กซี่ ตำรวจสายตรวจไปที่เกิดเหตุ พบ นายธีรภัทร (ผู้ก่อเหตุ) จึงคุมไปตรวจสารเสพติด แต่ไม่พบ ก่อนจับกุมในข้อหาอาละวาด ประพฤติตนวุ่นวายฯ ส่งตำรวจ สน.บางยีขัน จนวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 ไม่มีผู้ใดเข้าแจ้งความ ต้องปล่อยตัวผู้ต้องหาไป

หลังจากนั้น มีญาติของผู้เสียหาย แจ้งความว่า เกิดอุบัติเหตุรถเฉี่ยวชนกัน คนขับแท๊กซี่ ถูกทำร้ายร่างกาย ซึ่งผู้เสียหายยังไม่หายดี ก่อนจะมอบคลิปเหตุการณ์ให้พนักงานสอบสวน ที่มีการประสานพ่อของผู้ก่อเหตุ ให้พาลูกเข้ามารับทราบข้อกล่าวหา

แต่ได้รับแจ้งว่า ผู้ต้องหาอยู่โรงพยาบาล เพราะถูกรุมทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัส พื้นที่ สน.ตลิ่งชัน โดยไม่ทราบว่าใครมารุม ภายหลังมีคลิปหลุดออกมาว่า ผู้ต้องหาไปเคลียร์ปัญหากับรุ่นน้อง ก่อนต่อยแบบตัวต่อตัว ซึ่งเจ้าตัวสู้ไม่ได้เอง ไม่ใช่ถูกรุมทำร้าย

โดน 2 ข้อหา คุมตัวฝากขังศาลตลิ่งชัน
หลังสอบปากเสร็จ ตำรวจคุมตัวผู้ต้องหาไปฝากขังศาลอาญาตลิ่งชัน พร้อมแจ้ง 2 ข้อหา ฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นบาดเจ็บสาหัส และทำให้เสียทรัพย์

จากการตรวจสอบสารเสพติดและแอลกอฮอลล์ ไม่พบในขณะก่อเหตุ แต่นิสัยของผู้ต้องหา เป็นคนหัวร้อน และมักจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ อีกทั้งผู้ต้องหาไม่ได้อยู่ในแก๊งโอรส แค่ใช้ฉายาในการชกมวยเท่านั้น ส่วนคนเจ็บยังรักษาตัวอยู่โรงพยาบาล ประสานกระทรวงยุติธรรมช่วยเหลือเยียวยาแล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง