ทลายร้านนอมินีทุนจีน 46 จุดทั่วประเทศ ดำเนินคดีนิติบุคคล 442 บริษัท ผู้ต้องหากว่า 1,000 ราย เงินหมุนเวียนกว่า 3.6 พันล้านบาท
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ เปิดปฏิบัติการตรวจค้น 46 จุดทั่วประเทศ ดำเนินคดีนิติบุคคล 442 บริษัท ผู้ต้องหากว่า 1,000 ราย เป็นชาวจีนกว่า 250 ราย ร่วมกันจดบริษัทเพื่ออำพรางการประกอบธุรกิจต่าง ๆ อาทิ ร้านค้า ร้านอาหาร ร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตจีน ธุรกิจนำเที่ยว โกดัง/คลังสินค้า ร้านรับแลกเงินต่างประเทศ/เงินดิจิทัล ถือครองอสังหาริมทรัพย์โดยผิดกฎหมาย และหลายบริษัทไม่มีกิจการอยู่จริง จดทะเบียนบริษัทเพื่อเปิดบัญชีม้า รับโอนเงินจากแก๊งมิจฉาชีพในคดีอาชญากรรมออนไลน์ คอลเซ็นเตอร์ และฟอกเงิน ร่วมกับ กระทรวงพาณิชย์
สืบเนื่องจากตลอดห้วงระยะเวลาสามเดือนที่ผ่าน เจ้าหน้าที่ตำรวจของ บก.ปอศ. ได้ร่วมกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า วิเคราะห์ข้อมูลการจดทะเบียนบริษัท พบว่า มีบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดทั้ง กรณีใช้คนไทยเป็นตัวแทนอำพราง(Nominee) และเปิดใช้บัญชีม้านิติบุคคล จึงขออนุมัติศาลเพื่อขอหมายเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายผลการปฏิบัติ (ภาพรวม)
1) ปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ 46 จุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ สมุทรสาคร ชลบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ เชียงใหม่
2) พบเอกสารเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของบุคคลและนิติบุคคล จำนวนทั้งสิ้น 442 บริษัท รวมมูลค่าทุนจดทะเบียนทั้งหมด 1,189 ล้านบาท ตรวจพบเงินหมุนเวียนกว่า 3,600 ล้านบาท
3) การดำเนินคดี
- นิติบุคคล จำนวน 442 ราย
- บุคคล จำนวน 1,014 ราย (กรรมการ, ผู้ถือหุ้น, ผู้ทำบัญชี, ทนายความ, นายทุน) (สัญชาติจีน 258 ราย, ไทย 714 ราย, เยอรมัน 3 ราย, อังกฤษ 3 ราย, ญี่ปุ่น 2 ราย, เมียนมา 2 ราย, กัมพูชา 4 ราย, อเมริกัน 1 ราย, มาเลเซีย 21 ราย,เวียดนาม 4 ราย ,สิงคโปร์ 1 ราย ,คาซัคสถาน 1 ราย
4) ของกลางและทรัพย์สินที่ตรวจยึด
1. สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 34 เล่ม
2. เอกสารการถือครองที่ดิน จำนวน 22 ฉบับ รวมมูลค่า 254 ล้านบาท
3. ตราประทับบริษัทต่างๆ จำนวน 494 ชิ้น
4. ป้ายบริษัท จำนวน 67 ป้าย
5. อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จำนวน 24 เครื่อง
6. ธนบัตรสกุลเงินไทยและต่างประเทศ จำนวน 1,149,290 บาท
7. เครื่องนับธนบัตร จำนวน 2 เครื่อง
เตือนภัยถึงพี่น้องประชาชน การให้ความช่วยเหลือ สนับสนุน หรือถือหุ้น โดยการนำเอาชื่อของตนเองหรือบุคคลใกล้ชิดไปก่อตั้งบริษัทให้กับบุคคลต่างชาติ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนชาวต่างชาติเข้ามาแสวงผลประโยชน์ภายในประเทศ อันส่งผลกระทบภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่น การแข่งขันทางธุรกิจในประเทศ และธุรกิจที่สงวนไว้สำหรับประชาชนคนไทยซึ่งจะมีความผิดทั้งนิติบุคคลและผู้ให้ความช่วยเหลือ อันเป็นความผิดตาม พรบ.การประกอบธุรกิจของบุคคลต่างด้าว พ.ศ.2542 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง