สนามข่าว 7 สี - กรณีของ "ไร่ภูนับดาว" จังหวัดสระบุรี จนถึงขณะนี้ กรมป่าไม้ยังตอบไม่ชัดว่า สุดท้ายแล้วบุกรุกพื้นที่ป่าหรือไม่ ขณะที่วันนี้จะมีการลงพื้นที่ตรวจสอบ "ไร่ภูนับดาว" อีกครั้ง
นายบรรณรักษ์ เสริมทอง รองอธิบดีกรมป่าไม้ ในฐานะโฆษกกรมป่าไม้ เผยว่า กรมป่าไม้รับมอบคดีจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ทั้งหมด 11 คดี เนื้อที่บุกรุกประมาณ 200 ไร่ แต่ปรากฏเป็นคดีชัดเจนเพียง 1 คดี เนื้อที่ 66 ไร่ พบอยู่ในพื้นที่ไร่ภูนับดาว ที่ถือครองอยู่ 112 ไร่เศษ
ส่วนพื้นที่ที่เหลือ อยู่ระหว่างตรวจสอบว่า ส.ป.ก. ดำเนินการปฏิรูปที่ดินโดยชอบหรือไม่ ซึ่งทำหนังสือถึงสำนักงานปฏิรูปที่ดินจังหวัดสระบุรีแล้ว 2 ครั้ง แต่ยังไม่ได้รับคำตอบว่า มีการออกหนังสืออนุญาตให้บุคคลรายใดบ้าง และเป็นไปตามระเบียบและกฎหมายหรือไม่
ระเบียบกฎหมายที่พูดถึง คือ จะต้องปฏิบัติตามหลักการแนบท้าย มติ ครม. ปี 2520 ซึ่งมีทั้งหมด 5 ข้อ ได้แก่ ให้ ส.ป.ก. เข้าดำเนินการปฏิรูปที่ดิน โดยไม่ต้องชำระค่าธรรมเนียม ภายในแนวเขตที่ตกลงกับกรมป่าไม้ไว้ และต้องกันพื้นที่ไว้เป็นป่า หรือปลูกป่าขึ้นใหม่ ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของเนื้อที่ที่นำไปปฏิรูปที่ดิน
นอกจากนี้ พื้นที่ป่าที่เป็นต้นน้ำลำธาร ภูเขาสูง หรือป่าดงดิบ ซึ่งยังมีเหลืออยู่ ต้องรักษาไว้เป็นป่าตลอดไป รวมถึง ส.ป.ก. ต้องอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้าไปดำเนินการเกี่ยวกับการปลูกป่า หรือกิจกรรมวิชาการป่าไม้ได้ และต้องจัดสรรเงินใช้ในการปลูกป่า และบำรุงรักษาป่า ต้องมาตรวจสอบกันเป็นข้อ ๆ
รองอธิบดีกรมป่าไม้ ย้ำว่า การจะไปบอกว่า "ไร่ภูนับดาว" ทำประโยชน์ในที่ดิน ส.ป.ก. ผิดหรือถูก ประเด็นนี้ตอบไม่ได้ แต่หาก ส.ป.ก. บอกว่านี่เป็นการปฏิรูป จะต้องพิสูจน์ให้ได้ก่อนว่า มีการออกโดยชอบหรือไม่ จากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์กรรมสิทธิ์ แต่ถ้าออกโดยมิชอบ กรมป่าไม้จะบังคับให้จำเลย และบริวารออกนอกพื้นที่ ฟ้องแพ่ง ฟ้องขับไล่ และรื้อถอน นำกลับมาบริหารโดยกรมป่าไม้ต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า สรุปแล้ว "ไร่ภูนับดาว" บุกรุกพื้นที่ป่าหรือไม่ ซึ่งรองอธิบดีกรมป่าไม้ไม่กล้าฟันธง