ตำรวจไซเบอร์ เผยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ถูกทลายในพื้นที่ภาคใต้ เกี่ยวข้องกับกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ พบเป็นการระดมทุนหาเงินเลี้ยงเครือข่ายแบบใหม่ ใช้เงินที่ได้ซื้อยาและอาวุธปืนมาผลิตและจำหน่ายเตรียมขยายผลไปยังทีมอื่นๆ
จากกรณีที่เมื่อวานนี้ (11 ธ.ค. 67) ตำรวจกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 ตำรวจสภ.เมืองสงขลา นำกำลังเข้าตรวจค้นจับกุมเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลา นอกเหนือจากการพบเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลับพบอุปกรณ์การผลิตอาวุธปืนและอาวุธปืนพร้อมใช้เป็นจำนวนมาก
โดยเรื่องนี้ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ตำรวจไซเบอร์ เปิดเผยว่า จากการขยายผลในเรื่องดังกล่าว ได้ให้ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 9 เข้ามาตรวจสอบประวัติของผู้ต้องหาทุกคน พบว่ามีผู้ต้องหาหลายคนที่มีหมายจับและคดีค้างเก่าเกี่ยวข้องกับร่างกายและชีวิต ทั้งคดีทำร้ายร่างกาย พยายามฆ่า และคดีฆ่าคนตาย
ซึ่งบางคดีเกี่ยวข้องกับความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดทางภาคใต้ที่ตำรวจกำลังต้องการตัว เพื่อความมั่นใจจึงให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอของผู้ต้องหาทุกคนไปตรวจสอบกับฐานประวัติข้อมูลที่มี หากพบว่ามีบุคคลใดเกี่ยวข้องก็จะควบคุมตัวไปดำเนินคดีเพิ่มเติม
ส่วนอาวุธปืนที่พบในที่เกิดเหตุพบว่าเป็นอาวุธปืนที่มีการดัดแปลงด้วยอุปกรณ์การผลิตและดัดแปลงของเครือข่ายดังกล่าว ส่วนอาวุธปืนที่ผลิตได้จะนำไปจำหน่ายให้กับบุคคลทั่วไปเพื่อนำรายได้กลับเข้ามาเลี้ยงเครือข่ายอีกต่อหนึ่ง
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่ารายได้จากการหลอกลวงจะถูกนำไปซื้อยาเสพติดมาเสพ อีกส่วนหนึ่งจะนำไปซื้ออาวุธปืน blank gun BB gun หรืออาวุธปืนจริง มาดัดแปลงและผลิตให้สามารถใช้งานได้จริง หรือดัดแปลงตำหนิเอกลักษณ์เฉพาะของปืน เพื่ออำพรางและรถร่องรอยในการก่อเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้เก็บตัวอย่างจากอาวุธปืนที่ได้ทั้งหมดกลับมาตรวจสอบหาเอกลักษณ์เฉพาะของอาวุธปืน และเอกลักษณ์เฉพาะของอุปกรณ์การผลิตว่าตรงกับคดีใดที่เคยเกิดขึ้นในฐานข้อมูลของตำรวจหรือไม่
จุดที่น่าสนใจคือเชื่อว่าเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้ถูกตั้งขึ้นเพื่อใช้หาเงินมาเลี้ยงเครือข่ายกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ เพราะพบเส้นทางการเงินบางส่วนไปยังบุคคลที่มีความเกี่ยวข้องกับเครือข่ายความรุนแรง จึงเตรียมขยายผลไปยังบุคคลที่เกี่ยวข้อง โดยการขยายผลในส่วนนี้พบว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้มีเจ้าของและนายทุนเป็นคนไทย ซึ่งแตกต่างกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายอื่น ๆ ที่จะมีนายทุนเป็นชาวต่างชาติและจะส่งเงินออกไปยังต่างประเทศ
แต่เครือข่ายนี้นำเงินที่ได้มาใช้ในการซื้อขายอาวุธปืนและจำหน่ายรวมถึงส่งให้กับนายทุนที่อยู่ในประเทศ เชื่อว่ายังมีกลุ่มทีมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ระดมทุนเลี้ยงเครือข่ายกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้อีกหลายทีม ที่กระจายกำลังอยู่ในพื้นที่จึงเตรียมขยายผลไปยังกลุ่มที่เกี่ยวข้อง