เช้านี้ที่หมอชิต - เมื่อวานแจกเงินช่วยเหลือชาวนาภาคเหนือรอบแรกไปแล้ว ก็เรียกว่าเบิกเงินออกมาใช้จ่ายคึกคักกันเลย ส่วนชาวนาภาคอื่น ๆ ที่ยังรอคิวก็เร่งไปทำบัตรเอทีเอ็ม ไว้รอรับเงิน ซึ่งวันนี้ (17 ธ.ค.) ก็ถึงคิวชาวนาในภาคกลางและภาคตะวันออก แต่ก่อนอื่นเราไปดูพื้นที่แรกซึ่งได้รับเงินกันแล้วก่อน
เข้าแล้วเงินช่วยเหลือชาวนา
ทีมข่าว 7HD ลงพื้นที่สำรวจหลายจุดที่มีตู้เอทีเอ็ม และธนาคาร พบ ชาวนาในพื้นที่ภาคเหนือหน้าบาน ยิ้มแย้ม ดีใจ นำสมุดบัญชีธนาคารมาปรับและเบิกเงินออกไปใช้กันคึกคัก หลายคนมีหวังนำเงินก้อนนี้ไปแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ และเก็บไว้เติมทุน ปลูกข้าวรอบการผลิตใหม่ โดยเฉพาะชาวนาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ดีใจสุด ๆ อยากขอบคุณรัฐบาลถึงขั้นเขียนป้ายขอบคุณมาที่ธนาคารกันเลย
ขณะที่ชาวนาในภาคอีสาน อย่างที่จังหวัดสุรินทร์ รู้กันว่า รัฐบาลจะโอนเงินเข้าบัญชีให้วันที่ 18-19 ธันวาคม หลายคนตื่นเต้นกันมากไปธนาคารกันตั้งแต่เมื่อวาน เพื่อขอทำบัตรเอทีเอ็มใหม่ บางคนก็นำสมุดบัญชีไปปรับหรือทำเล่มใหม่เพราะของเก่าหายไปแล้ว เพื่อรอเบิกเงินที่รัฐบาลจะให้ไร่ละ 1,000 บาท ใครมี 10 ไร่ ก็ได้แน่ ๆ 10,000 บาท
ส่วนชาวนาจังหวัดนครราชสีมา ก็รอลุ้นเงินช่วยเหลือไม่ต่างกัน แต่เรียกร้องอยากให้รัฐบาลปรับจำนวนไร่เพิ่มขึ้น จากจำกัดไม่เกิน 10 ไร่ เป็น 20 ไร่ หลังต้นทุนการผลิตข้าวก็ปรับขึ้น
ด้าน นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงเรื่องการช่วยเหลือชาวนาที่เริ่มโอนเงินช่วยแล้วว่าดำเนินการโอนเงินเสร็จสิ้นแล้วกว่า 9 แสนคน ภายในเวลา 1 ชั่วโมง
ส่วนการช่วยเหลือชาวนาที่มีการปรับเหลือไม่เกิน 10 ไร่ เพราะชาวนามีพื้นที่เพาะปลูกต่ำกว่า 10 ไร่ เป็นส่วนใหญ่ถึง 70% ซึ่งช่วยลดความเหลื่อมล้ำ และเกิดความเท่าเทียม
และ วันนี้ (17 ธ.ค.) ก็เป็นรอบ 2 โอนเงินให้กับเกษตรกรชาวนา ในภาคกลางและภาคตะวันออกกว่า 290,000 ครัวเรือน วงเงินกว่า 2,000 ล้านบาท ส่วนรอบต่อไป 18 ธันวาคม ในภาคอีสานตอนบนกว่า 1.3 ล้านครัวเรือน วงเงินกว่า 1 หมื่นล้านบาท
วันที่ 19 ธันวาคม โอนให้ชาวนาภาคอีสานตอนล่าง อีกกว่า 1.4 ล้านครัวเรือน วงเงินกว่า 11,000 ล้านบาท และ 20 ธันวาคม ภาคตะวันตกและภาคใต้ อีกกว่า 150,000 ครัวเรือน วงเงินกว่า 1,300 ล้านบาท
แจก 10,000 บาทผู้สูงอายุ ยังไม่เสนอ ครม.
ส่วนความคืบหน้าแจกเงิน 10,000 บาท รอบ 2 สำหรับกลุ่มผู้สูงอายุที่อายุ 60 ปีขึ้นไป นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า วันนี้ยังไม่มีการบรรจุวาระพิจารณาเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี
ซึ่งรูปแบบโครงการไม่ได้ยุ่งยาก แต่ความสำคัญคือการตรวจสอบรายชื่อให้เรียบร้อยและรอบคอบ โดยรัฐบาลประกาศไปแล้วว่ากลุ่มนี้จะได้รับเงินก่อนวันตรุษจีนปี 2568 แน่นอน รวม 4 ล้านคน ใช้งบประมาณ 40,000 ล้านบาท ยืนยัน ไม่ได้มาในรูปแบบซองอั่งเปา แต่มาเป็น “เงินสด”