หลังที่กระทรวงแรงงาน ประชุมรับฟังความคิดเห็น "การเพิ่มสิทธิประโยชน์เมื่อปรับเพดานค่าจ้าง" กล่าวตั้งแต่ปี 2534 เงินสมทบจัดเก็บเข้ากองทุนประกันสังคมได้กำหนดค่าจ้างขั้นสูงที่ใช้คำนวณเงินสมทบของผู้ประกันตนมาตรา 33 ไว้ไม่เกิน 15,000 บาท และไม่เคยมีการปรับปรุงจนถึงปัจจุบัน ถือว่าจ่ายเงินสมทบประกันสังคมในกรอบที่เหมาะสมสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ และสังคม เนื่องจากช่วงเวลานั้นค่าแรง ค่าครองชีพไม่สูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับปัจจุบัน
สำนักงานประกันสังคม และกระทรวงแรงงานตระหนักถึงความเพียงพอและความมั่นคงสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตน จึงจะมีการปรับปรุงเพดานค่าจ้าง เงินสมทบประกันสังคมเป็นแบบขั้นบันได 3 ขั้น เพื่อไม่ให้กระทบนายจ้างและผู้ประกันตน จากเดิม 15,000 บาท เปลี่ยนเป็น ดังนี้
ขั้นที่ 1 ในปี 2569-2571 ปรับเป็น 17,500 บาท ส่งเงินสมทบสูงสุด 875 บาท/เดือน
ขั้นที่ 2 ในปี 2572-2574 ปรับเป็น 20,000 บาท ส่งเงินสมทบสูงสุด 1,000 บาท/เดือน
ขั้นที่ 3 ในปี 2575 เป็นต้นไป ปรับเป็น 23,000 บาท ส่งเงินสมทบสูงสุด 1,150 บาท/เดือน
ตารางเปรียบเทียบสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นจากการปรับเพดานค่าจ้าง มีรายละเอียดดังนี้
ปัจจุบัน (ปี 2567) ค่าจ้าง 1.5 หมื่นบาท จะต้องจ่ายเงินสมทบสูงสุด 750 บาทต่อเดือน โดยสิทธิประโยชน์เงินทดแทน และเงินบำนาญที่ได้รับ
1. เงินทดแทนกรณีเจ็บป่วย 7,500 บาทต่อเดือน
2. เงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อคลอดบุตร 22,500 บาทต่อครั้ง
3. เงินทดแทนกรณีทุพพลภาพ 7,500 บาทต่อเดือน
4. เงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต 90,000 บาท
5. เงินทดแทนกรณีว่างงาน 7,500 บาทต่อเดือน
6. เงินบำนาญ กรณีส่งเงินสมทบ 15 ปี 3,000 บาทต่อเดือน ส่วนกรณีส่งเงินสมทบ 25 ปี 5,250 บาทต่อเดือน
ปี 2569 – 2571 ที่จะมีการปรับเป็นค่าจ้าง 1.75 หมื่นบาท ซึ่งจะต้องจ่ายเงินสมทบสูงสุด 875 บาทต่อเดือน โดยสิทธิประโยชน์เงินทดแทน และเงินบำนาญที่ได้รับเพิ่มขึ้น
1. เงินทดแทนกรณีเจ็บป่วย 8,750 บาทต่อเดือน
2. เงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อคลอดบุตร 26,250 บาทต่อครั้ง
3. เงินทดแทนกรณีทุพพลภาพ 8,750 บาทต่อเดือน
4. เงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต 105,000 บาท
5. เงินทดแทนกรณีว่างงาน 8,750 บาทต่อเดือน
6. เงินบำนาญ กรณีส่งเงินสมทบ 15 ปี 3,500 บาทต่อเดือน ส่วนกรณีส่งเงินสมทบ 25 ปี 6,125 บาทต่อเดือน
ปี 2572 – 2574 ที่จะมีการปรับเป็นค่าจ้าง 2 หมื่นบาท จะต้องจ่ายเงินสมทบสูงสุด 1,000 บาทต่อเดือน โดยสิทธิประโยชน์เงินทดแทน และเงินบำนาญที่ได้รับเพิ่มขึ้น
1. เงินทดแทนกรณีเจ็บป่วย 10,000 บาทต่อเดือน
2. เงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อคลอดบุตร 30,000 บาทต่อครั้ง
3. เงินทดแทนกรณีทุพพลภาพ 10,000 บาทต่อเดือน
4. เงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต 120,000 บาท
5. เงินทดแทนกรณีว่างงาน 10,000 บาทต่อเดือน
6. เงินบำนาญ กรณีส่งเงินสมทบ 15 ปี 4,000 บาทต่ อเดือน ส่วนกรณีส่งเงินสมทบ 25 ปี 7,000 บาทต่อเดือน
ปี 2575 เป็นต้นไป ที่จะมีการปรับเป็นค่าจ้าง 2.3 หมื่นบาท จะต้องจ่ายเงินสมทบสูงสุด 1,150 บาทต่อเดือนโดยสิทธิประโยชน์ที่ได้รับเพิ่มขึ้น
1. เงินทดแทนกรณีเจ็บป่วย 11,500 บาทต่อเดือน
2. เงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อคลอดบุตร 34,500 บาทต่อครั้ง
3. เงินทดแทนกรณีทุพพลภาพ 11,500 บาทต่อเดือน
4. เงินสงเคราะห์กรณีเสียชีวิต 138,000 แสนบาท
5. เงินทดแทนกรณีว่างงาน 11,500 บาทต่อเดือน
6. เงินบำนาญ กรณีส่งเงินสมทบ 15 ปี 4,600 บาทต่อเดือน ส่วนกรณีส่งเงินสมทบ 25 ปี 8,050 บาทต่อเดือน
ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักงานประกันสังคม