วันนี้ (18 ธ.ค. 67) นายอนุทิน ชาญวีระกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มอบหมายให้ นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย สั่งการให้ นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง จัดชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง นำโดย นายเรืองลักษณ์ เรืองยังมี ผู้อำนวยการสำนักการสอบสวนและนิติการ นายอิสรา เจริญชาศรี ผู้อำนวยการกองอาสารักษาดินแดน และนายศักดิ์ชัย โรจน์รัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง นำกำลังเจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน รวมกว่า 50 นาย ปูพรมเมืองพัทลุงบุกจับร้านขายบุหรี่เถื่อนและขบวนการลักลอบขนส่งบุหรี่เถื่อนทั้งหมด 6 จุด เป็นร้านขายบุหรี่เถื่อน จำนวน 3 จุด และ โกดังเก็บบุหรี่เถื่อน จำนวน 3 จุด
สำหรับปฏิบัติการครั้งนี้เริ่มต้นมาจากกรมการปกครองได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวพัทลุง ว่ามีการลักลอบจำหน่ายและขนส่งบุหรี่เถื่อนเป็นจำนวนมาก ชาวบ้านในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อน เพราะลูกหลานเข้าถึงบุหรี่เถื่อนได้โดยง่าย โดยจากการสืบสวนข้อมูลเชิงลึก พบว่า จ.พัทลุงคือ 1 ใน 3 อันดับแรกของเมืองหลวงบุหรี่เถื่อนของประเทศไทย โดยข้อมูลสถิติชี้ว่า กว่า 75% หรือ 3 ใน 4 ซอง ของการบริโภคบุหรี่ใน จ.พัทลุง เป็นการบริโภคบุหรี่เถื่อน ซึ่งทำให้ท้องถิ่นใน จ.พัทลุง ต้องสูญรายได้จากการจัดเก็บภาษีกว่าหลายสิบล้านบาทต่อปี
ต่อมาชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง จึงลงพื้นที่ จ.พัทลุง เพื่อทำการสืบสวน พบพฤติการณ์ของขบวนการขายบุหรี่เถื่อนดังกล่าว เป็นการเปิดหน้าร้านขายของชำบังหน้า และลักลอบขายบุหรี่เถื่อนให้กับลูกค้าซึ่งเป็นผู้บริโภคบุหรี่เถื่อนโดยตรง อีกทั้งยังทำการค้าส่งบุหรี่เถื่อนให้กับเครือข่ายร้านค้าในพื้นที่อีกจำนวนหลายแห่ง นอกจากนี้ยังมีการกระจายสินค้าบุหรี่เถื่อนไปยังลูกค้าทั่วประเทศ โดยขายผ่านช่องทางออนไลน์และส่งสินค้าผ่านทางบริษัทขนส่งเอกชน
จากแหล่งข่าว พบว่าผู้ค้าบุหรี่เถื่อนกลุ่มนี้ ลักลอบนำเข้าบุหรี่เถื่อนมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจากการตรวจสอบแล้วพบเป็นสินค้าที่แจ้งขนส่งไปยังประเทศที่สามโดยผ่านประเทศไทย แต่กลับถูกลักลอบขนถ่ายจากเรือขนส่งสินค้าแล้วนำสินค้ามาพักไว้ในพื้นที่ จ.พัทลุง เพื่อกระจายไปยังพื้นที่อื่น ๆ นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าขบวนการดังกล่าวน่าจะมีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่อยู่เบื้องหลัง เนื่องจากได้รับข้อมูลมาว่า เมื่อต้นปีมีการจับกุมกลุ่มผู้ลักลอบค้าบุหรี่เถื่อนรายใหญ่ในพื้นที่ จ.พัทลุง แต่มีการแอบอ้างเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อไม่ให้ถูกดำเนินคดี และกลุ่มผู้ค้าเหล่านี้ยังคงกลับมาค้าขายได้ตามปกติ ซึ่งจากการสืบสวนของชุดจับกุมก็พบว่าขบวนการดังกล่าวมีการลักลอบขนถ่ายบุหรี่เถื่อนจากโกดังหลายแห่งไปยังร้านค้าต่าง ๆ ในช่วงกลางวันแสก ๆ โดยไม่เกรงกลัวกฎหมายและสายตาเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด
จากการจับกุมตรวจพบของกลางเป็นบุหรี่เถื่อน จำนวนกว่า 400 ลัง และจับกุมผู้กระทำความผิดได้ 7 คน จากการประเมินมูลค่าความเสียหายในเบื้องต้นแล้วพบว่ารัฐต้องสูญเสียรายได้ไปมากกว่า 10 ล้านบาท และค่าปรับทางภาษีมากกว่า 200 ล้านบาท
เบื้องต้น แจ้งข้อกล่าวหาในความผิด ฐาน 1. มีไว้ในครอบครองซึ่งสินค้าที่เป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษีหรือเสียภาษีไม่ครบถ้วน 2. ขายหรือมีไว้เพื่อขายซึ่งสินค้าที่เป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษีหรือเสียภาษีไม่ครบถ้วน 3. นำเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร หรือเคลื่อนย้ายของออกไปจากยานพาหนะ คลังสินค้าทัณฑ์บน โรงพักสินค้า ที่มั่นคง ท่าเรือรับอนุญาต หรือเขตปลอดอากร โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานศุลกากร และ 4. ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิดตามมาตรา 242 ตามมาตรา 246