ส่งตัวเข้าบำบัด ผู้ปกครองถือขวานเดินเข้า รร. ตะโกนถามใครแกล้งลูกกู มีประวัติป่วยจิตเวช ขาดยา ครูทำตามแผนหนี ซ่อน สู้ ที่ซักซ้อมไว้ พา นร. เข้าห้องเรียนปิดประตูหน้าต่าง ปลอดภัยทุกคน ส่วนลูกชาย 7 ขวบ ตอนนี้อยู่ในความดูแลของป้ากับย่า
ความคืบหน้าเหตุการณ์ผู้ปกครองถือขวานเข้าไปในโรงเรียน ครู-นักเรียนวิ่งหนีจ้าละหวั่น เหตุเกิดใน ต.วังท่าช้าง อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี กรณีดังกล่าว เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้รับรายงานจากโรงเรียนบ้านโปร่งใหญ่ว่า เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.67 เวลา 14.30 น. มีผู้ปกครองนักเรียน ชื่อ นายสงครามชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 42 ปี เป็นบิดาของนักเรียนชั้น ป.1 อายุ 7 ขวบ ได้ถือขวานเข้าไปในโรงเรียน แล้วตะโกนว่า “ใครแกล้งลูกกู” ครูที่พบเห็นเหตุการณ์ ได้ประชาสัมพันธ์เสียงตามสายให้นักเรียนทุกคนเข้าห้องเรียน ปิดประตู หน้าต่าง และอยู่ในความดูแลของครูในที่ปลอดภัย ตามที่ได้มีการซ้อมแผนเผชิญเหตุหนี ซ่อน สู้
จากนั้น ครูได้ประสานงานไปยังผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้ามาระงับเหตุ ต่อมาเวลา 14.40 น. ผู้ใหญ่บ้านพร้อมชาวบ้านอีก 2 คน ได้เข้ามาเกลี้ยกล่อมกับผู้ก่อเหตุ โดยชายผู้ก่อเหตุแจ้งว่าเห็นคนถือจอบเข้ามาในโรงเรียน จึงเดินตามมา ผู้ใหญ่บ้านจึงได้เกลี้ยกล่อมให้ออกจากโรงเรียนไปรอที่บ้าน โดยใช้เวลาเจรจาประมาณ 5 นาที ผู้ก่อเหตุได้ยินยอมออกจากโรงเรียน เดินทางกลับบ้านพัก
เวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาที่จุดเกิดเหตุในบริเวณโรงเรียนบ้านโปร่งใหญ่ และติดตามไปยังบ้านพักผู้ก่อเหตุ ขณะไปถึงบ้านพักของผู้ก่อเหตุพบว่า ผู้ก่อเหตุกำลังตะโกนด่าทอ เหมือนมีคนจะมาทำร้ายตนเอง และไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าใกล้ ตำรวจได้เกลี้ยกล่อมและควบคุมตัวได้ในเวลา 17.00 น. นำตัวไปยัง สภ. วังตะเคียน อำเภอกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี และได้ประสานไปยังโรงพยาบาลกบินทร์บุรี เพื่อมารับตัวไปตรวจและรักษา ซึ่งในปัจจุบันได้พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลกบินทร์บุรี
วันนี้ (19 ธ.ค.67) ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปราจีนบุรี เขต 2 ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กลุ่มส่งเสริมการจัดการศึกษา ลงพื้นที่เพื่อติดตามสถานการณ์และสอบถามข้อเท็จจริงกับโรงเรียนบ้านโปร่งใหญ่ และนายแต้ม สระทอง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 ตำบลวังท่าช้าง ซึ่งเป็นผู้เข้ามาเกลี้ยกล่อมผู้ก่อเหตุ และนางปรียา จงมีสุข ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 13 ตำบลวังท่าช้าง ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้าน หมู่บ้านที่ผู้ก่อเหตุอาศัยอยู่ ได้ข้อเท็จจริงว่า ผู้ก่อเหตุมีอาการทางจิต บางครั้งชอบตะโกนโวยวายอยู่ในบ้าน และจุดพลุหรือระเบิดปิงปองบริเวณรอบบ้าน ทำให้ชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงตกใจ และเกิดความหวาดกลัว
เมื่อได้ลงพื้นที่เยี่ยมบ้านนักเรียน พบว่านักเรียนอาศัยอยู่กับพ่อ และย่า อายุ 84 ปี และบกพร่องทางการได้ยิน โดยพ่อเป็นคนหาเลี้ยงครอบครัว มีอาชีพรับจ้างทั่วไป รายได้ 600 – 800 บาท/วัน วันไหนไม่มีงานก็ไม่มีรายได้ ทั้งนี้ผู้ก่อเหตุดื่มสุราเป็นประจำ และเมื่อแยกทางกับภรรยา จึงได้เกิดความเครียด วิตกกังวล และเคยเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลจิตเวชสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว เมื่ออาการดีขึ้น ก็ไม่กินยาต่อเนื่อง จึงทำให้เกิดอาการทางจิตขึ้นมาอีกครั้ง ปัจจุบันนี้ นักเรียนได้อยู่ในความดูแลของป้าและย่า