ห้องข่าวภาคเที่ยง - คดีนี้เรียกว่าสะเทือนขวัญ โดยเฉพาะความรู้สึกของคนในครอบครัว ไม่มีใครคิดว่า มัจจุราชจะมาพรากชีวิตไปเเบบนี้ เป็นเหตุการณ์ที่จุกอกที่สุด โดยเฉพาะคนหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ทั้งเพื่อนเเละญาติของผู้เสียชีวิต ยังคงมีอารมณ์โกรธ ถึงกับไปดักจองกฐิน จะรุมประชาทัณฑ์ จนนายอัครพณธ์ ผู้ก่อเหตุ กลัวจะไม่ปลอดภัย ขอใช้สิทธิไม่ทำเเผนประกอบคำรับสารภาพ
ชาวบ้านเดือด จองกฐินรุมประชาทัณฑ์ อส.ยิงเหยื่อ
คดีนี้เรียกว่าเดือดทั้งอำเภอ ขนาดคนไลฟ์เฟซบุ๊กติดตามการนำตัว "นายอัครพณธ์" อดีต อส. มาทำเเผนประกอบคำรับสารภาพ ยังโกรธเเค้นเเทน ไม่พอใจอย่างมาก เเละตั้งคำถามว่า "คดีนี้ สุดท้าย จะจบลงอย่างไร"
คนไลฟ์ใช้คำว่า เพื่อนเเละญาติ ๆ มาเฝ้าจองกฐิน เเต่รอเเล้วรอเล่า นายอัครพณธ์ ไม่ยอมลงจากรถตู้สักที ชาวบ้านบอกว่า ถ้าลงมาเสร็จเเน่ สุดท้ายตำรวจยกเลิกการทำเเผนฯ เพราะนายอัครพณธ์ ไม่ขอใช้สิทธิ กลัวว่าตนเองจะไม่ปลอดภัย
พลตำรวจโท ปิยะวัตน์ เฉลิมศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เปิดเผยว่า ระหว่างที่ควบคุมตัว นายอัครพณธ์ มีท่าทีรู้สึกสำนึกผิดแต่ก็สายไปเสียแล้ว เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่อาจย้อนเวลากลับไปได้
ที่สะเทือนใจ คือ นายสิทธิพงศ์ และนางอรชร ถูกกระสุนปืนยิงศีรษะจนเสียชีวิต เกิดต่อหน้าลูกสาววัย 6 ขวบ และลูกชายวัย 12 ขวบ ซึ่งทั้งสองคนตั้งใจพาไปฉลองวันเกิดให้กับลูกชาย
และนี่ก็เป็นภาพโพสต์สุดท้ายของนายสิทธิพงศ์ โพสต์ภาพลูกชายและลูกสาว เขียนข้อความว่า "เบิร์ดเดย์โกแชมป์ ตั้งใจเรียนนะครับ โตมาจะได้เป็นเจ้าคนนายคน" เพียง 1 ชั่วโมงครึ่ง ก็เกิดเหตุสลด
ลูกชายโพสต์ ขอให้พ่อ-เเม่ ไปสบาย
ลูกสาววัย 6 ขวบ อาจจะยังไม่รู้อะไรมาก เท่ากับลูกชายวัย 12 ขวบ ลูกชายโพสต์เฟซบุ๊ก รูปพ่อแม่อุ้มตัวเอง พร้อมข้อความว่า "ไปไม่ลาเลยนะพ่อแม่ ไปสบายแล้วนะ จากไปไม่มีวันกลับมา"
คนในโซเชียลก็เข้ามาให้กำลังใจบอกให้สู้ ๆ เเละเเสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมกับอวยพรวันคล้ายวันเกิดย้อนหลัง ขอให้เป็นเด็กที่มีความสุขมาก ๆ ส่วนคุณครู เข้ามาให้กำลังใจว่า พ่อกับเเม่ทำบุญมาด้วยกัน ครูเป็นกำลังใจให้
เช่นเดียวกับนักร้องชื่อดังเมืองใต้ "อ๊อฟ ดอกฟ้า" ซึ่งสนิทสนมกับผู้เสียชีวิต โพสต์ว่า "RIP หลับให้สบายค่ะ พี่สิทธิ์ เรชซิ่ง ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวด้วยนะคะ เอ็นดูลูกมาก ๆ ค่ะ"
ขณะที่บรรยากาศการรดน้ำศพ ซึ่งญาติตั้งโลงคู่ไว้ที่วัดป่าบอนต่ำ อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง เป็นไปอย่างโศกเศร้า โดยเฉพาะลูกชายวัย 12 ขวบ ร้องไห้ตลอดเวลาที่ได้เห็นร่างไร้วิญญาณของพ่อและแม่
สุดเศร้า ตั้งโลงคู่ผัว-เมีย เหยื่อ อส.
โดยคืนเเรก นายสถาพร เพชรมณี อดีตลูกน้องของครอบครัวผู้เสียชีวิต เล่าทั้งน้ำตาว่า ทั้งสองคนเป็นครอบครัวที่อบอุ่น และคอยช่วยเหลือสังคม และให้ชีวิตใหม่กับลูกน้องทุกคน ที่เดินทางมาทำงานด้วย
อย่างตนเองมาอยู่ด้วย ตั้งแต่แม่เสียชีวิต ตอนวัย 10 ขวบ ได้รับการอบรมบ่มวิชาการซ่อมรถ จนออกมาประกอบอาชีพเป็นของตนเองได้
ยอมรับว่าใจหายเมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้ เเละสงสารน้องที่รอดชีวิต ทำให้อดคิดเหมือนกับตนเองตอนสมัยเด็ก อายุ 10 ขวบ ที่นอนอยู่กับแม่และน้าสาวที่บ้าน เเละคนร้ายบุกยิงจนแม่ เเละน้าสาวเสียชีวิต จนทุกวันนี้ยังจำฝังใจ จึงอยากให้รับโทษประหารชีวิต
ส่วน นางสาวภาวนา เจ้าของร้านข้าวต้ม ถูกยิงช่องท้อง และใบหน้า ล่าสุด พ้นขีดอันตรายแล้ว สามารถตอบสนองโดยการพยักหน้าได้ รับรู้ เเละจำลูกได้
ตรวจสอบคำสั่งฝ่ายอำนวยการ กองบัญชาการกองอาสารักษาดินแดน ปี 2558 ระบุอำนาจหน้าที่ของ อส.ไว้ว่า เป็นผู้มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน หากอยู่ระหว่างปฏิบัติหน้า สามารถพาอาวุธปืนติดตัวได้โดยไม่ต้องขออนุญาต แต่ต้องเป็นการปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับฝ่ายปกครองและตำรวจ ส่วนอาวุธปืนที่ อส.ใช้ระหว่างปฏิบัติหน้าที่จะเป็นการเบิกออกมาใช้เป็นครั้งคราว และต้องส่งคืนทุกครั้งหลังเสร็จภารกิจ
ซึ่งก็สอดคล้องกับ คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีและกระทรวงมหาดไทย เรื่องห้ามการออกใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว เป็นการชั่วคราว เว้นแต่กรณีจำเป็นเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการ ซึ่งออกไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว
ขอบคุณภาพจาก : Facebook เจ๊มอย V+