ผ่านมาเกือบ 20 ปีแล้ว แต่ชาวจังหวัดอาเจะห์ ยังคงไม่มีวันลืมภาพเหตุการณ์โหดร้าย ของคลื่นสึนามิซัดชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของอินโดนีเซีย แม้ว่าปัจจุบันทัศนียภาพงดงามที่เห็นอยู่นี้ จะไม่มีสัญญาณบ่งบอกถึงความเสียหายที่เกิดจากคลื่นสึนามิ ที่พัดถล่มภูมิภาคแห่งนี้ก็ตาม
โดยเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ปี 2547 นาย "เตอูกู ฮาฟิด ฮูดูดิลลาห์" เคยเผชิญกับความหวาดผวาจากภัยพิบัติสึนามิซัดถล่ม เนื่องจากเขาต้องสูญเสียญาติพี่น้องจำนวนมาก และเติบโตมาอยู่ในวัยผู้ใหญ่อย่างมีความหวังว่า หากเกิดภัยพิบัติขึ้นอีกครั้ง ในจังหวัดบ้านเกิดของเขา จะสามารถรับมือกับมันได้ ทั้งนี้ เหตุการณ์สึนามิพัดถล่มครั้งนั้น ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 126,000 คน ในจังหวัดอาเจะห์ โดยไม่มีเสียงไซเรนเตือนภัยใด ๆ และยังคร่าชีวิตผู้คนในกว่า 10 ประเทศ ตามแนวชายฝั่งมหาสมุทรอินเดีย สูงถึง 230,000 คน จากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 9.1 นอกเกาะสุมาตรา
ปัจจุบัน ฮูดูดิลลาห์ อายุ 28 ปี เป็นผู้สังเกตการณ์แผ่นดินไหว ให้กับหน่วยงานธรณีฟิสิกส์ของอินโดนีเซีย และเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่ได้รับมอบหมายให้ปรับปรุงระบบตรวจจับแผ่นดินไหวและเตือนภัยสึนามิของจังหวัดอาเจะห์ ซึ่งรวมถึงระบบไซเรนที่ดังพอที่จะได้ยินในระยะทางไกลถึง 100 กิโลเมตร
นอกจากนั้น ยังมีระบบพร้อมส่งข้อความทางโทรศัพท์ และวิทยุอย่างรวดเร็ว เพื่อแจ้งให้ประชาชนทราบเกี่ยวกับแผ่นดินไหว ที่มีขนาดรุนแรงมากกว่าระดับ 5 โดยสัญญาณไซเรนจะดังขึ้นทันที หากมีความเสี่ยงที่จะเกิดสึนามิ ขณะที่ ชาวจังหวัดอาเจะห์ ได้รับการฝึกอบรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อพร้อมรับมือกับแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ หรือ สึนามิ
ทั้งนี้ อินโดนีเซีย ตั้งอยู่บนพื้นที่แผ่นดินไหวที่เรียกว่า วงแหวนแห่งไฟในแปซิฟิก ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่เสี่ยงต่อภัยพิบัติมากที่สุดในโลก