ข่าวเย็นประเด็นร้อน - คืบหน้ากรณีที่อดีตเกษตรจังหวัดเมาแล้วขับ พุ่งชนหน้าโรงเรียนดอนขวาง ทำให้ตำรวจจราจรเสียชีวิต และมีเด็กนักเรียนชายวัย 5 ขวบ บาดเจ็บสาหัส ล่าสุด ญาติได้แจ้งว่า เด็กชายวัย 5 ขวบ เสียชีวิตแล้ว
เด็กอายุ 5 ขวบ เหยื่อเมาแล้วขับ เสียชีวิตแล้ว
จากกรณีที่ นายสมศักดิ์ อายุ 75 ปี ข้าราชการบำนาญ อดีตเกษตรจังหวัดนครราชสีมา เมาแล้วขับรถพุ่งชนกำแพงโรงเรียนดอนขวาง บนถนนเพชรมาตุคลา ตำบลหัวทะเล อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา จนทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 1 ราย คือ ร้อยตำรวจโท วิมุตต์ แทนสุโพธิ์ อายุ 57 ปี รองสารวัตรจราจร สภ.เมืองนครราชสีมา และมีผู้ปกครองและเด็กนักเรียนได้รับบาดเจ็บ 10 ราย หนึ่งในนั้นอาการสาหัส 1 ราย คือ ด.ช.อัษฎาวุธ อายุ 5 ขวบ 8 เดือน ตรวจวัดแอลกอฮอล์ นายสมศักดิ์ คนขับรถเก๋งที่ก่อเหตุได้ 197% เหตุเกิดเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา
ล่าสุด วันนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ทราบว่า เด็กชายอัษฎาวุธ ที่นอนรักษาตัวที่ห้องไอซียูได้เสียชีวิตลงแล้ว เมื่อเวลาประมาณ 11.30 น. ขณะที่ โรงเรียนบ้านดอนขวาง ได้ออกมาแสดงความเสียใจต่อการจากไปของน้องแล้ว ส่วนทางญาติจะนำศพน้องฝากไว้ที่โรงพยาบาล จนถึงวันที่ 2 มกราคม 2568 จึงจะทำเรื่องติดต่อขอรับศพเพื่อนำไปบำเพ็ญกุศลต่อไป
ส่วนความคืบหน้าทางด้านคดี หลังจากที่ศาลนครราชสีมาให้ประกันตัว นายสมศักดิ์ ด้วยวงเงิน 150,000 บาท เมื่อวันที่ 25 ธันวาคมที่ผ่านมา ล่าสุด มีญาติของหนึ่งในผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวโพสต์ข้อความระบุว่า คดีชนนักเรียนหน้าโรงเรียนดอนขวาง คนชนจะสู้คดีนะคะ บอกเป็นอัลซไฮเมอร์ จะสู้คดีค่ะ จบข่าว
รถกระบะขนที่นอนปลิวใส่รถเก๋งเสียหลัก
อุุบัติเหตุบนท้องถนนในช่วง 10 วันอันตราย เหตุเกิดที่ จังหวัดนครราชสีมา กล้องหน้ารถจากรถเก๋งของผู้เสียหาย จับภาพขณะที่รถกระบะสีขาวบรรทุกที่นอนขนาดใหญ่วิ่งอยู่ด้านหน้า โดยไม่มีการมัดให้แน่นหนา สุดท้ายที่นอนขนาดใหญ่ก็ถูกลมพัดปลิวตกลงมาบนถนน ทำให้รถเก๋งของผู้เสียหายที่ขับตามมาชนกับที่นอน เป็นเหตุให้รถเสียหลักพุ่งลงข้างทางชนต้นไม้ได้รับบาดเจ็บ โชคดีที่คนขับมีสติ ประคองรถได้ทัน ไม่พุ่งชนเสาไฟฟ้า อาจจะทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิต ส่วนรถกระบะคันที่ก่อเหตุขับหลบหนีไป
คลิปนี้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งนำมาโพสต์ในกลุ่มข่าวคนโคราชบ้านเอ็งว่า เหตุเกิดวันที่ 28/12/67 เวลา 10.30 น. ตามหาเบาะแสรถกระบะขนที่นอนแบบล้นกระบะไม่รัด ไม่มีความปลอดภัย ประมาทและทำให้คนอื่นเกิดอันตราย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม บริเวณถนนมอเตอร์เวย์ช่วงขามทะเลสอ-สูงเนิน กิโลเมตรที่ 173
รถกระบะซิ่ง ขับปาด-เฉี่ยวชน
ที่ จังหวัดอุดรธานี กล้องหน้ารถบันทึกภาพขณะที่รถกระบะขับแซงซ้ายมาด้วยความเร็วสูง และปาดมาทางขวา ก่อนจะเฉี่ยวชนรถกระบะอีกคันที่ขับมาเลนขวา ก่อนรถจะปีนเกาะกลางถนนจนฝุ่นตลบ ก่อนจะขับหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เหตุเกิดบริเวณสี่แยกบ้านเลื่อม อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี เวลา 12.54 น. วานนี้ (29 ธ.ค.)
หลังเกิดเหตุ เจ้าของกล้องหน้ารถพยายามขับรถตามไปดูว่าทะเบียนรถอะไร แต่พบว่ารถคันดังกล่าวไม่ได้ติดแผ่นป้ายทะเบียน ซึ่งรถกระบะที่ก่อเหตุขับเร็วไม่ได้ เพราะยางฝั่งคนขับแตกทั้งล้อหน้าและล้อหลัง พอขับตามไปถึงสี่แยกวิทยาลัยพละ สังเกตเห็นรถกระบะที่ถูกเฉี่ยวชนขับตามมา จึงไม่ได้ขับตามต่อ ปล่อยให้เจ้าของรถคู่กรณีจัดการต่อ คลิปนี้ เจ้าของกล้องหน้ารถได้นำมาโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ทำให้มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์จำนวนมาก
มีรายงานว่า หลังเกิดเหตุ ตำรวจได้ออกมาตรวจที่เกิดเหตุ โดยยึดรถกระบะที่ก่อเหตุเป็นของกลางไปเก็บไว้ที่สถานที่เก็บรถอุบัติเหตุ สภ.เมืองอุดรธานี และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
คนขับก้มเก็บโทรศัพท์มือถือ เสียหลักพุ่งชนรถ จยย.
ที่ จังหวัดสมุทรปราการ กล้องหน้ารถบันทึกภาพขณะที่รถบรรทุกที่วิ่งอยู่ในเลนขวาสุด อยู่ดี ๆ ก็หักพวงมาลัยพุ่งชนรถจักรยานยนต์ที่ขี่อยู่ในเลนกลาง จนกระเด็นได้รับบาดเจ็บ ก่อนจะขับรถหลบหนีไป
ผู้สื่อข่าวสอบถาม พันตำรวจเอก รักศักดิ์ เมฆจินดา ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรสำโรงใต้ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 ธันวาคมที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุ ผู้ขับรถบรรทุกได้เข้ามาแสดงความบริสุทธิ์ใจ และให้การว่าไม่ได้ตั้งใจเฉี่ยวชน แต่ตอนนั้นตนทำโทรศัพท์ตก จึงก้มลงไปเก็บ ทำให้รถเสียการควบคุม ขณะเกิดเหตุไม่ทราบว่าไปเฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์ของผู้เสียหาย เมื่อเห็นคลิปจึงเดินทางมาให้การที่ สภ.สำโรงใต้ ยืนยัน ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกันกับผู้บาดเจ็บมาก่อน ซึ่งผู้บาดเจ็บก็ไม่ได้ติดใจ ส่วนค่ารักษาพยาบาลและค่าเสียหายต่าง ๆ ทางประกันของรถบรรทุกก็รับผิดชอบเรียบร้อย
เบื้องต้น พนักงานสอบสวนเปรียบเทียบปรับผู้ขับขี่รถบรรทุก 500 บาท ในข้อหาขับรถโดยประมาท
เริ่ม 1 ม.ค.68 ไม่จ่ายค่าทางด่วน ปรับ 10 เท่า
ใครค้างค่าทางด่วน ระวังโทษปรับหนัก เพจเฟซบุ๊ก การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) แจ้งว่า ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ทาง กทพ. เริ่มปรับผู้หลีกเลี่ยง หรือ ชำระค่าผ่านทางพิเศษไม่ครบตามจำนวน ระวังต้องโทษค่าปรับสูงสุดไม่เกิน 10 เท่าของค่าผ่านทางฯ (ไม่เกิน 2,000 บาทต่อครั้ง) โดย กทพ. ก็จะออกหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาการกระทำความผิดทางพินัยภายใน 30 วัน นับแต่วันพ้นกำหนด
ทั้งนี้ หากผู้ใช้บริการปฏิเสธข้อกล่าวหา หรือไม่ชำระค่าผ่านทางฯ และค่าปรับเป็นพินัยตามคำสั่งภายในระยะเวลาที่ กทพ. กำหนด กทพ.จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่งสำนวนให้พนักงานอัยการเพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลต่อไป ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์บริการข้อมูลผู้ใช้ทางพิเศษ (EXAT Call Center) โทร 1543 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
10 วันอันตราย 3 วัน ยอดเสียชีวิต 143 คน
ข้อมูลอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ประจำวันที่ 29 ธันวาคม 2567 ซึ่งเป็นวันที่ 3 ของการรณรงค์ ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ ของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ พ.ศ.2568 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 29 ธันวาคม 2567 พบว่า เกิดอุบัติเหตุ 280 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 269 คน ผู้เสียชีวิต 47 ราย สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 38.57 ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 23.21 ตัดหน้ากระชั้นชิด ร้อยละ 19.29 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 82.98 จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี 12 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ ลพบุรี และ สุราษฎร์ธานี จังหวัดละ 10 คน จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ สกลนคร (4 ราย)
สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 3 วัน ของการรณรงค์ (27-29 ธ.ค.67) เกิดอุบัติเหตุรวม 872 ครั้ง ผู้บาดเจ็บรวม 841 คน ผู้เสียชีวิต รวม 143 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 19 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา 35 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา 32 คน จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 7 ราย
ปภ.เผยน้ำท่วม 4 จังหวัด เสียชีวิต 14 คน
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีสถานการณ์อุทกภัยใน 4 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช นราธิวาส ตรัง รวม 8 อำเภอ 27 ตำบล 119 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 7,626 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 14 ราย เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัย ยังคงสูบระบายน้ำออกจากพื้นที่ช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ