เช้านี้ที่หมอชิต - หลังเหตุสลด เพลิงไหม้โรงแรม ย่านถนนข้าวสาร ในกรุงเทพฯ ซึ่งมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เสียชีวิตถึง 3 คน ก็นำมาสู่การสั่งล้อมคอกให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ตรวจเข้มทั้งโรงแรมที่พัก และสถานที่จัดงานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ส่วนปมเหตุเพลิงไหม้ก็ยังไม่สรุป แม้จะคาดว่าต้นเพลิงเกิดจากห้อง 511 แล้วก็ตาม และที่น่าเศร้าใจอย่างยิ่งก็ 1 ใน 3 ของผู้เสียชีวิตที่ตั้งใจมาฮันนีมูนในไทย แต่ฝ่ายหญิงเคราะห์ร้ายจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ซึ่งรัฐบาลก็มีเม็ดเงินเยียวยาเคาะออกมาแล้ว เดี๋ยวไล่เรียงเรื่องนี้ไปที่ละประเด็น
ตรวจสอบเพลิงไหม้โรงแรม ย่านข้าวสาร
เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน หรือ พฐ. พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบโรงแรม 6 ชั้นแห่งหนึ่ง ย่านข้าวสาร บนถนนตานี แขวงตลาดยอด เขตพระนคร กรุงเทพฯ โดยมุ่งไปตรวจสอบและเก็บพยานหลักฐาน บริเวณชั้น 5 โดยเฉพาะที่ห้อง 511 ((ตรงกับห้อง 211 ตำแหน่งด้านหลังทางปีกขวาของอาคาร) ซึ่งคาดว่าป็นห้องต้นเหตุที่เกิดเพลิงไหม้
ชาวต่างชาติ เผยนาทีชีวิตหนีเพลิงไหม้
นายเจฟ อายุ 34 ปี ชาวอเมริกัน ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ เล่าว่า มาเที่ยวที่ไทย ได้ 2 สัปดาห์แล้ว และเป็นการมาครั้งที่ 2 ครั้งนี้มาพักกับเพื่อนที่โรงแรมนี้ โดยห้องพักของเขาอยู่ที่ชั้น 4 ขณะเกิดเหตุได้กลิ่นควัน แต่คิดว่าเป็นควันบุหรี่ จึงเปิดประตูและหน้าต่างออกไปดู ก็เห็นกลุ่มควันเป็นจำนวนมาก เขากับเพื่อนจึงหนีขึ้นไปที่ชั้นดาดฟ้า
ซึ่งทันทีที่ขึ้นไปก็เห็นว่ามีผู้หลบอยู่บนดาดฟ้าประมาณกว่า 40 คน และทุกคนอยู่ในสภาพหวาดกลัว แต่หลังจากนั้นไม่นาน เจ้าหน้าที่ดับเพลิง ก็เข้ามาอย่างรวดเร็วก่อนให้ความช่วยเหลือรอดชีวิตลงมาได้ จึงขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ดับเพลิง รวมถึง กู้ภัย ที่มาช่วยได้ทันเวลาทำให้เขาหนีรอดจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ได้
ผลสอบปากคำแขกห้อง 511 ไม่อยู่ห้องขณะเกิดเหตุ
ก็เป็นมุมผู้รอดชีวิต แต่ขณะเดียวกันมีข้อมูลน่าเศร้า เมื่อ ผู้กำกับการ สน.ชนะสงคราม เผยว่า ผบสอบปากคำ นักท่องเที่ยวชาวเกาหลี 3 คน ที่เป็นผู้พักอาศัยในห้อง 511 ที่คาดว่าเป็นห้องต้นเหตุ ยืนยันตรงกันว่า ไม่ได้อยู่ห้องขณะเกิดเหตุ และไม่ได้เสียบเครื่องใช้ไฟฟ้าทิ้งไว้ แต่เจ้าหน้าที่ กับไปพบหญิงชาวบราซิล เสียชีวิตภายในห้องดังกล่าว ทั้งที่ผู้เสียชีวิต เช็กอินที่ห้อง 502
สุดเศร้า สาวบราซิลเสียชีวิต หลังเพิ่งถูกขอแต่งงาน
ที่สำคัญเธอเพิ่งจะถูกขอแต่งงาน-หมั้นกับแฟนหนุ่มได้ไม่เกิน 10 วัน ก่อนตัดสินใจมาท่องเที่ยวฮันนีมูนกันที่ไทย ตามแผนต้องกลับประเทศช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา (30 ธ.ค.) ซึ่งแฟนหนุ่มที่รอดชีวิต บอกตำรวจว่า ตอนนั้นพยายามจะพาแฟนหนี แต่กลุ่มควันขโมงจนมองไม่เห็นทาง ก่อนพลัดหลงกัน กระทั่งมีเจ้าหน้าที่มาลำเลียงผู้ติดค้างในอาคารถึงพบว่า แฟนของเขาเสียชีวิตแล้ว
ผู้ว่าฯ กทม.คาดต้นเพลิงอยู่ที่ห้อง 511
ขณะที่ ผู้ว่าฯ ชัชชาติ พร้อมคณะผู้บริหาร และทีมฝ่ายวิศวกรโยธากรุงเทพฯ และวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ ซึ่งลงตรวจสอบพื้นที่อีกครั้ง พร้อมเผยว่า ต้นเพลิงมาจากชั้น 5
แต่ยังระบุสาเหตุเพลิงไหม้ที่ชัดเจนไม่ได้ อีกทั้งเท่าที่ตรวจสอบโรงแรมดังกล่าว เป็นอาคารดัดแปลงจำนวน 11 ห้องแถว พื้นที่รวมประมาณกว่า 1,500 ตารางเมตร ขออนุญาตถูกต้องเมื่อปี 2563 ซึ่งอาคารก็มีบันไดหนีไฟ 2 จุด มีอุปกรณ์ถังดับเพลิงติดตั้งครบถ้วน ยกเว้นเพียงอาคารหลังที่ไม่เข้าเกณฑ์ ขาดการติดตั้งสปริงเกอร์ ตามกฎหมายบังคับให้ติด ซึ่งหลังจากนี้จะต้องตรวจสอบทั้งแบบแปลน และระบบเตือนป้องกันไฟอย่างละเอียดอย่างทั่วถึงทุกแห่ง
ส่วนในช่วงเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่หลังรับแจ้งก็เข้าพื้นที่ได้ภายใน 5 นาที ก่อนปฏิบัติการช่วยเหลือ ผู้พักอาศัยที่อพยพหนีไปอยู่บนดาดฟ้า 34 คน จากผู้เข้าพักทั้งหมด 75 คน ที่เหลือพักอาศัยอยู่ด้านล่างสามารถหนีออกมาได้
เยียวยานักท่องเที่ยว เหตุเพลิงไหม้โรงแรม
อย่างไรก็ตามเหตุครั้งนี้ มีผู้เสียชีวิต 3 คน และบาดเจ็บ 7 คน ในจำนวนนี้เหลือพักรักษาตัวในโรงพยาบาล 6 คน เบื้องต้น กทม. จะเยียวยาให้ทุกคนที่บาดเจ็บ และเสียชีวิต ทั้งในชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยผู้เสียชีวิต จะได้ค่าทำศพ คนละไม่เกิน 29,700 บาท, ผู้บาดเจ็บคนละไม่เกิน 4,000 บาท ซึ่งยังไม่รวมค่าชดเชยความเสียหายอื่น ๆ
ด้าน นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า รัฐบาลเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เบื้องต้นจะมีการเยียวยาญาติผู้เสียชีวิต วงเงิน 1 ล้านบาท ส่วนผู้บาดเจ็บ เยียวยาวงเงิน 500,000 บาท ซึ่งทั้งหมดกำลังอยู่ในกระบวนการพิสูจน์ตัวตนสัญชาติ และติดต่อญาติผู้เสียชีวิต-ผู้บาดเจ็บ
ทีนี้มาดูมุมผู้ประกอบการ ในถนนข้าวสาร ในส่วนของ พ่อค้า-แม่ค้า ก็ยอมรับว่า กลัวนักท่องเที่ยวไม่มาเคานต์ดาวน์ เพราะตอนนี้ลงทุนไปแล้วจึงกลัวจะเสียเปล่า แต่ก็เข้าใจว่า เป็นเหตุสะเทือนขวัญ อาจทำให้คนไม่กล้าออกมาท่องเที่ยวเหมือนทุกปี
มั่นใจ นักท่องเที่ยวร่วมงานเคานต์ดาวน์แน่นถนนข้าวสาร
สวนทางกับ นายสง่า เรืองวัฒนกุลกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร เชื่อว่าจะยังมีนักท่องเที่ยวหลายคนมาร่วมกิจกรรมเคานต์ดาวน์บนถนนข้าวสาร และพื้นที่โดยรอบ เพราะท่องเที่ยวเข้าใจว่าเหตุเพลิงไหม้เป็นอุบัติเหตุ แต่ก็ได้ฝากผู้ประกอบการปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
"อนุทิน" สั่งด่วน ผู้ว่าฯ ทั่วประเทศเข้มความปลอดภัย
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ก็กำชับผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ดูแลความปลอดภัยของโรงแรมที่พัก โครงสร้างและตัวอาคาร ทางเข้าออก ระบบไฟฟ้า สถานที่ท่องเที่ยว สถานบันเทิง ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ไม่มีจุดเสี่ยงอันตราย มีเส้นทางหลบหนีหากเกิดเหตุฉุกเฉิน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำเพราะขณะนี้อยู่ในช่วงปีใหม่ ที่มีทั้งประชาชน และนักท่องเที่ยว ร่วมกิจกรรมรื่นเริงเป็นจำนวนมาก
สั่งทุกจังหวัดจัดชุดปฏิบัติการคุมเข้มช่วงปีใหม่
ส่วน ปลัดมหาดไทย "อรรษิษฐ์" (สัมพันธรัตน์) สั่งให้เจ้าหน้าที่ กรมการปกครอง (สำนักสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง) ตรวจสอบโรงแรมดังกล่าว หากพบความผิดปกติจนทำให้เกิดเพลิงไหม้เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต ก็ให้ดำเนินการทางกฎหมายและสั่งปิดกิจการ ซึ่งมาตรการนี้ไม่ได้แค่โรงแรมนี้ เพราะทุกจังหวัดในส่วนของมหาดไทย จะมีชุดปฏิบัติการคุมเข้มช่วงปีใหม่ ดูแลความปลอดภัยทั้ง โรงแรม และกิจกรรมต่าง ๆ หากพบการฝ่าฝืนกฎหมายก็ดำเนินการเอาผิดทันที พร้อมเปิดสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง