แม้ คิริบาตี ประเทศหมู่เกาะเล็ก ๆ จะได้ฉลองขึ้นปีใหม่ก่อนใครเพื่อน แต่สถานที่แรก ๆ ที่จัดงานฉลองปีใหม่ได้อลังการที่สุดคือที่ นครซิดนีย์ ออสเตรเลีย ซึ่งปีนี้มีการจัดแสดงพลุดอกไม้ไฟครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยจัดมา ยาวตลอดแนวซิดนีย์ฮาร์เบอร์ คาดว่ามีผู้ร่วมชมงานกว่า 1 ล้านคน
ส่วนทางฝั่งทวีปเอเชีย ที่เขตบริหารพิเศษฮ่องกง ยังคงจัดงานเคานต์ดาวนบริเวณริมอ่าววิกตอเรีย ได้อย่างยิ่งใหญ่ตระการตาเช่นเดิม มีการยิงพลุไฟ ประกอบการแสดงแสงสี และเสียงดนตรี "ซิมโฟนีออฟไลต์" ริมน้ำ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกรู้จักกันดี
ส่วนที่ นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีการจุดพลุดอกไม้ไฟกว่า 15,000 ดอก บนอาคารเบิร์จคาลิฟา (Burj Khalifa) ตึกระฟ้าที่สูงที่สุดในโลก รวมทั้งจากน้ำพุแห่งดูไบ ที่ถูกจุดขึ้นอย่างสอดประสานกัน
ข้ามไปที่ฝั่งยุโรป ที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส ผู้คนจำนวนมากไปรวมตัวกันบริเวณประตูชัย ถนนช็องเซลีเซ เพื่อร่วมนับถอยหลังสู่ปีใหม่ และชมการแสดงพลุดอกไม้ไฟที่ยิ่งใหญ่ตระการตา
แม้มีคำเตือน สหราชอาณาจักร อาจเผชิญกับสภาพอากาศเลวร้าย แต่ที่กรุงลอนดอน อังกฤษ ยังจัดงานฉลองปีใหม่อย่างเข้มขลังอลังการเหมือนเดิม โดยมีการยิงพลุดอกไม้ไฟบริเวณชิงช้าสวรรค์ "ลอนดอนอายส์" ในช่วงนาฬิกาบิกเบนส่งเสียงระฆังบอกเวลาเที่ยงคืน
ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐฯ ผู้คนหลายหมื่นคน ร่วมงานนับถอยหลังสู่ปี 2025 หรือ พ.ศ.2568 ที่ย่านไทม์สแควร์ ซึ่งก้าวเข้าสู่ปีใหม่ ช่วงเที่ยงวันนี้ ตามเวลาประเทศไทย ไฮไลต์ของงานคือ การปล่อยกระดาษสี และกระดาษเขียนคำอธิษฐานขอพรปีใหม่ น้ำหนักรวมกว่า 1,360 กิโลกรัม จากลูกบอลคริสตัล ขนาดใหญ่
ที่บราซิล นักท่องเที่ยวนับล้านคนจากทั่วโลก รวมตัวกันที่ชายหาด โคปา คาบานา รวมทั้งบริเวณรูปปั้นพระเยซูคริสต์ขนาดยักษ์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์อันโดดเด่นของนคร รีโอ เด จา เนโร เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืน มีการแสดงพลุดอกไม้ไฟที่สวยงามตระการตา คาดว่ามีผู้ร่วมงานถึง 2.5 ล้านคน
ส่วนเช้าวันนี้ ชาวญี่ปุ่นจำนวนมาก ตื่นตั้งแต่เช้า รอชมพระอาทิตย์ขึ้น ก่อนไปทำบุญโยนเหรียญเงินขอพรที่ศาลเจ้าเมจิ กรุงโตเกียว โดยหวังว่าปีใหม่นี้จะมีแต่สิ่งดี ๆ ต่างจากช่วงปีใหม่ปีที่แล้ว ซึ่งญี่ปุ่นเกิดแผ่นดินไหวและเหตุเครื่องบินชนกัน