ดีเอสไอ ถกนัดแรกตำรวจ รู้เบาะแส หมอบุญ-พวก ประสานอินเตอร์โพลติดตามตัว ความเสียหายพุ่ง 1.2 หมื่นล้าน จ่อส่งสำนวนให้อัยการ ก่อนครบกำหนดฝากขัง
วันนี้ (3 ม.ค.68) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ร.ต.อ. วิษณุ ฉิมตระกูล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ นายอังศุเกติ์ วิสุทธิ์วัฒนศักดิ์ ผู้อำนวยการกองกิจการอำนวยความยุติธรรม พร้อมด้วยคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ประชุมร่วมกับ พล.ต.ต. อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 1 และคณะ กรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับโอนสำนวนการสอบสวนคดีอาญาจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในคดีนายแพทย์บุญ กับพวก ถูกกล่าวหาว่าร่วมกันกระทำความผิดตามพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง เป็นคดีพิเศษที่ 136/2567
ร.ต.อ.วิษณุ กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมนัดแรกระหว่างคณะพนักงานสอบสวนและตำรวจที่ทำสำนวนคดีนี้ ก่อนดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากดีเอสไอมีอำนาจในการสอบสวนคดีที่มีความซับซ้อนทางเศรษฐกิจ และการติดตามทรัพย์ รวมถึงติดตามตัวผู้กระทำผิด ซึ่งคดีนี้มีการแจ้งข้อหา 16 ราย จับกุมแล้ว 13 ราย ในจำนวนนี้ฝากขังอยู่ในเรือนจำอีก 3 ราย ส่วน นพ.บุญ และโบรกเกอร์อีก 2 ราย หลบหนีไปต่างประเทศ ล่าสุดได้ประสานตำรวจสากล เพื่อติดตามตัวทั้ง 3 คน โดยเจ้าหน้าที่รู้เบาะแสแล้ว แต่ไม่ขอยังไม่เปิดเผยว่าหลบอยู่ที่ใด
รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวอีกว่า คดีนี้มีผู้เสียหายที่แจ้งความไว้ 495 ราย มูลค่าความเสียหายสูงถึงกว่า 12,000 ล้านบาท ซึ่งคณะพนักงานสอบสวนต้องเร่งดำเนินการในกรอบเวลาที่เหลือของการฝากขัง ที่จะทยอยครบกำหนด 21 ม.ค.นี้ โดยจะทำงานร่วมกับตำรวจอย่างใกล้ชิด และประสานอัยการคดีพิเศษเพื่อส่งสำนวนให้ทันภายในเดือน ม.ค.นี้ นอกจากนี้ ได้ประสาน ปปง. เร่งรัดติดตามทรัพย์สินของ นพ.บุญ กับพวก ที่มีทั้งรถยนต์ ที่ดิน หุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งตำรวจก็ได้ยึดไว้บางส่วนส่งให้ ปปง.จึงยังไม่สามารถสรุปจำนวนทรัพย์ที่ยึดอายัดได้
สำหรับคดี นพ.บุญ ก่อนหน้านี้มีผู้เสียหายบางรายเข้าร้องทุกข์ไว้กับดีเอสไอ และดีเอสไอเคยตั้งเลขสืบสวนไว้ จึงสามารถรับไปดำเนินการต่อได้ทันที โดยการรับเป็นคดีพิเศษจะดำเนินการสอบสวนทั้ง 5 โครงการที่มีการชักชวนให้ลงทุน