ห้องข่าวภาคเที่ยง - เรื่องมหากาพย์ "เดอะ มูนบาร์" ต้องบอกว่า ช่อง 7HD นำเสนอเป็นสื่อแรก และเรายังเกาะติดเรื่องนี้ โดยเฉพาะคำถามที่หลายคนสงสัยและถามกันเข้ามาเยอะว่า สรุปแล้วเจ้าของร้านมีสิทธิถ่ายรูปบัตรประชาชนหรือไม่ เพราะจากคำชี้แจงของเจ้าของร้าน เดอะมูนบาร์ บอกว่า จำเป็นต้องถ่าย แต่ต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าตัวก่อน
เจ้าของร้าน เดอะ มูนบาร์ อายุ 32 ปี ยืนยันว่าร้านมีมาตรการถ่ายบัตรประชาชนจริง โดยมอบหมายให้ผู้จัดการรับผิดชอบ โดยยืนยันว่า การถ่ายต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้บริการ หากใครไม่ให้ถ่าย จะไม่อนุญาตให้เข้ามาใช้บริการภายในร้านเด็ดขาด
แต่จะถ่ายเฉพาะด้านหน้าของบัตร และห้ามถ่ายด้านหลังที่มี Laser Code คือ รหัสกำกับบัตรปรากฎอยู่ จากนั้นพนักงานจะถ่ายใบหน้าผู้มาใช้บริการ พร้อมกำชับให้ผู้จัดการและพนักงานลบข้อมูลทุกวัน หากไม่มีเหตุร้ายแรงขึ้น และยืนยันว่าไม่มีการนำไปขายในกลุ่มสีเทาตามที่ถูกกล่าวหา
ส่วนยอดผู้เคยใช้บริการ พบมีการเข้าแจ้งความที่ สภ.บางใหญ่ จนถึงวันนี้ มีจำนวน 174 คน ซึ่งพันตำรวจเอก รณภัฎ ทับทิมธงไชย ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรบางใหญ่ สภ.บางใหญ่ ระบุจะรวบรวมรายชื่อทั้งหมดส่งไปยังสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ภายในวันนี้ และจะทยอยส่งให้ตรวจสอบเรื่อย ๆ
ขณะที่เมื่อวานนี้ เพจเฟซบุ๊ก แบน เดอะ มูนบาร์ ออกมาโพสต์ว่า "ที่ สภ.บางใหญ่ ไม่มีคนรับเรื่อง เหลือตำรวจหญิงอยู่คนเดียว (ตำรวจชายหายไปไหนหมด?) แถมให้ผู้เสียหายนั่งพิมพ์กันเอง" นั้น
ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรบางใหญ่ อธิบายว่า เดิมทีใช้ระบบการแจ้งความผ่านการกรอกเอกสาร และแนบบันทึกประจำวัน แต่ด้วยเจตนาดี จึงเพิ่มช่องทางออนไลน์ และพบปัญหาบางขั้นตอน จึงเกิดภาพการยืนออหนาแน่นตามที่ปรากฎในเพจจึงขออภัย และตอนนี้กลับมาให้ระบบกรอกเหมือนเดิมแล้ว พร้อมยืนยันไม่มีการให้ผู้เสียหายปริ้นเอกสารเองตามที่เพจระบุ
ส่วนเรื่องพบสารเสพติดในบาร์นั้น ตำรวจได้รับจากแหล่งข่าวมาเมื่อต้นปี 2566 ซึ่งสั่งให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนเข้าไปตรวจสอบในร้าน ภายใน 1-2 วัน แต่ไม่พบ จึงได้มีการตรวจปัสสาวะนักท่องเที่ยว 100 กว่าราย และตรวจค้นร้าน รวมถึงได้เรียกเจ้าของร้านเข้ามาตักเตือน และกำชับในเรื่องคลิปว่าหากตรวจสอบพบว่าเกิดขึ้นภายในร้านก็จะดำเนินการตามกฎหมาย
ขณะที่ผู้เสียหาย เล่าว่า เคยไปเที่ยวที่สถานบันเทิงแห่งนี้อยู่บ่อยครั้งในระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา โดยแต่ละครั้งก็จะถูกถ่ายบัตรประชาชนก่อนเข้าร้านทุกครั้ง ซึ่งตนก็ไม่ได้เอะใจอะไร แต่ทุกครั้งที่ไปเที่ยว วันรุ่งขึ้นก็จะมีลิงก์เว็บไซต์พนันออนไลน์เด้งเข้ามาผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์อยู่บ่อยครั้ง
และตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ไปเที่ยวร้านนี้ ก็เห็นว่ามีลูกค้าหลายคนภายในร้านมีการเสพยาเสพติด บางครั้งก็เห็นว่าไปเข้าห้องน้ำกันที 2-3 คน
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า การถ่ายบัตรประชาชนทำไม่ได้ เพราะผิดกฎหมายตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA ล่าสุด สั่งการให้ตรวจสอบแล้ว
โดยหลังจากนี้จะมีการตรวจสอบย้อนหลังไปว่าสถานบันเทิงดังกล่าวได้ข้อมูลส่วนบุคคลไปมากน้อยขนาดไหน ส่วนใครสงสัยว่าข้อมูลส่วนบุคคลของตัวเองไม่ปลอดภัย ให้แจ้งมายังกระทรวงดิจิทัลฯ เพื่อตรวจสอบ
นายประเสริฐ ยังกล่าวถึงโทษนำข้อมูลส่วนบุคคลไปขายว่า มีโทษร้ายแรง ซึ่งที่ผ่านมามีบุคคลถูกโทษปรับไป 7 ล้านบาท ส่วนโทษจำคุกจะต้องพิจารณาจากความเสียหาย
ด้านนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ระบุการใช้บัตรประชาชนเพื่อแสดงตัวตน ดูจากบัตร หรือ ThaID ในมือถือได้ กระทรวงมหาดไทย ไม่ได้กำหนดต้องสแกน หากต้องเข้าสถานบันเทิง แค่โชว์บัตรตรวจหน้า ดูอายุบัตรไม่หมดอายุ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความสมัครใจของคน
นอกจากที่ เดอะ มูนบาร์ ยังมีที่ผับแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่นด้วย แต่กรณีนี้ร้ายแรงกว่าคือ ไม่ใช่ถ่ายปกติ แต่สแกนบัตรประชาชนเลย ทำให้กลัวว่าจะนำข้อมูลไปขายด้วย
ซึ่งสถานบริการโพสต์ข้อความชี้แจงผ่านเพจเฟซบุ๊กของร้าน โดยระบุข้อความว่า "ขออนุญาตชี้แจงจากทางร้าน เรื่อง การตวรจบัตรลูกค้าในการเข้าสถานบันเทิง เนื่องจากทางร้านได้รับนโยบายจากทางจังหวัด เรื่องการตรวจคัดกรองลูกค้า เรื่องอายุ และเรื่องยาเสพติดอย่างเคร่งครัด จึงมีการตรวจบัตรประชาชนลูกค้าทุกท่านและบางท่านได้ตรวจโดยการสแกนบัตรประชาชนเข้าเครื่องตรวจสอบ และพนักงานบางคนได้ทำการถ่ายบัตรลูกค้าไว้ ทางร้านไม่มีเจตนาจะนำข้อมูลของลูกค้าไปเผยแพร่ใด ๆ ทั้งสิ้น และขอยืนยันเจตนาที่แท้จริงเพียงแค่ตรวจอายุเท่านั้น เพราะบางท่านเอาบัตรปลอม บัตรเพื่อน หรือบัตรท่านอื่นมายื่น และบางท่านภาพในบัตรไม่เหมือนตัวจริงจึงเป็นการตรวจสอบให้ละเอียดเท่านั้น"
นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการใช้บัตรประชาชนเพื่อแสดงตัวตนเวลาเข้าสถานบันเทิง ว่าหากสถานบันเทิงต้องการดูก็สามารถขอดูบัตร หรือ บางคนไม่ได้พกบัตรแต่มีใน ThaID ก็สามารถเปิดให้ดูในมือถือได้ ซึ่งกระทรวงมหาดไทย ไม่ได้มีระเบียบกำหนดว่าจะต้องสแกนหรือรูดบัตร แค่โชว์บัตรตรวจหน้าดูอายุเกิน 18 ปี ก็เข้าไปได้
อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับเจ้าของบัตรจะยินยอมหรือไม่ยินยอม เพราะเป็นของส่วนบุคคล ตนไม่เคยได้ยินว่าต้องสแกนบัตร ซึ่งแค่โชว์บัตรดูหน้า ถ้าใช้บัตรไม่หมดอายุ อายุสามารถเข้าได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความสมัครใจของคน
ส่วนแนวทางการให้สแกนบัตรได้นั้น ขึ้นอยู่กับหน่วยงานที่ต้องดูบัตรประชาชน อาทิ การรักษาในโรงพยาบาล หรือ สถาบันการศึกษา ก็ต้องทำความตกลงให้ใช้บัตรประชาชนได้ในกิจการของสถาบันนั้นๆ
ขณะที่ รมว. ดีอี บอกเลยว่าการ ถ่ายบัตรประชาชนใบหน้า ผิดพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA มีโทษปรับสูง
ได้สั่งการให้รักษาการเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPC ตรวจสอบและดำเนินการ แนะนำผู้เสียหายแจ้งความแม้ยังไม่เกิดความเสียหาย และหากสงสัยว่าข้อมูลส่วนบุคคลของตัวเองไม่ปลอดภัย ให้แจ้งมายังกระทรวงดีอี หรือมาที่หน่วย Eagle Eyes Eagle Eyes เพื่อดำเนินการ บอกแล้วนะการนำข้อมูลไปขายมีโทษร้ายแรงและค่าปรับสูง เพราะที่ผ่านมามีบุคคลถูกปรับไปแล้ว 7 ล้านบาท