วันนี้ (8 ม.ค. 68) พ.ต.ท.นรินทร์ นามบ้านค้อ สว.(สอบสวน) สภ.เมืองร้อยเอ็ด พร้อมแพทย์เวร รพ.ร้อยเอ็ด ลงพื้นที่ตรวจพิสูจน์และเก็บชิ้นส่วนโครงกระดูก และกะโหลกศีรษะมนุษย์ ที่ชาวบ้านไปสูบน้ำหาปลาในคูเมืองทิศตะวันตกวัดวิมลนิวาส ต.เหนือเมือง อ.เมืองร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด หลังจากได้รับแจ้งจากนายเทิดศักดิ์ นุกูลการ พร้อมภรรยาและเพื่อนที่มาสูบปลาจนน้ำแห้ง แล้วพบโครงกระดูกจึงรีบโทรแจ้งตำรวจและกู้ภัย เพื่อให้มาตรวจสอบ
สอบถาม นายเทิดศักดิ์ บอกว่า ตนมาตั้งเครื่องสูบน้ำในคลองข้างวัดเป็นวันที่ 3 พอน้ำแห้งก็ลงไปเคลียร์พื้นที่เตรียมจับปลา ก็ไปพบโครงกระดูกริมคลอง ตอนแรกนึกว่าโครงกระดูกสุนัข พอดึงขึ้นมาจึงพบว่าเป็นโครงกระดูกและกะโหลกศีรษะมนุษย์ จึงโทรแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ เพื่อหาที่มาของโครงกระดูกดังกล่าวให้เกิดความชัดเจน ซึ่งยังไม่ทราบว่าเป็นใคร แต่สันนิษฐานว่าอาจจะเป็นโครงกระดูกของพระรูปหนึ่ง ซึ่งมาบวชจำพรรษาที่วัดเมื่อเดือน ก.ค.67 แล้วหายตัวไปนานกว่า 5 เดือน ยังตามตัวไม่เจอ
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าเมื่อเดือน ก.ค. 67 ที่พระรูปดังกล่าวหายตัวไป สามารถบันทึกภาพเวลาประมาณ 03.20 น. วันที่ 28 ก.ค. 67 พบว่าดินออกจากวัด หลังพ้นมุมกล้องไปแล้วอาจจะเดินตกลงไปในคลองคูเมือง เพราะช่วงนั้นเป็นหน้าน้ำ ที่มีน้ำเต็มเสมอพื้นดิน คนที่ไม่รู้ก็เดินแบบไม่ได้ระวัง จึงอาจจะตกลงไปจนจมน้ำเสียชีวิต
ด้าน น.ส.ศิริลักษณ์ แสงมุก ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า จากการสันนิษฐานเบื้อต้นเป็นไปได้ที่อาจจะเป็นโครงกระดูกของ นายสุข แก้วโยธา อายุ 60 ปี อดีตผู้ช่วยสาธารณสุขอำเภอเสลภูมิ ซึ่งบวชแล้วจำพรรษาที่วัดวิมลแห่งนี้ จากนั้นพบภาพจากกล้องวงจรปิดว่าเดินออกจากวัดแล้วหายตัวไป ซึ่งยังค้นหาและตามตัวไม่พบ ขณะเดียวกัน หลังจากพบโครงกระดูกดังกล่าวก็ได้ประสานไปยังลูกสาวซึ่งอยู่กรุงเทพฯ ให้เดินทางมาตรวจสอบ ซึ่งลูกสาวฝากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและแพทย์นิติเวช นำชิ้นส่วนกระดูกส่งตรวจดีเอ็นเอ เพื่อความชัดเจน และกำลังจะเดินทางลงมาจากกรุงเทพฯ เพื่อติดตามผลที่ชัดเจน
ทั้งนี้เนื่องจากพระที่หายไป อยู่ในชุดสบงพระและผ้าเช็ดตัวสีเหลือง แต่การแช่ในน้ำนานอาจจะทำให้ผ้าเปื่อยยุ่ยสลายไปจนเหลือแต่โครงกระดูก ซึ่งต้องรอผลพิสูจน์ที่ชัด โดยพนักงานสอบสวนจะนำชิ้นส่วนกระดูกที่พบส่งตรวจดีเอ็นเอ ที่สถาบันนิติเวช เพื่อให้เกิดความชัดเจนต่อไปว่าใช่พระรูปดังกล่าวที่หายตัวไปหรือไม่ และหากไม่ใช่ก็จะสืบสวนสอบสวนหาที่มาให้ชัดเจนต่อไป