จำนวน 80 เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมดของฟิลิปปินส์ นับถือศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิก ซึ่งทุกวันที่ 9 มกราคมของทุกปี ชาวฟิลิปปินส์หลายแสนคน จะเดินเท้าเปล่าออกมาร่วมขบวนแห่รูปปั้นพระเยซูแบกไม้กางเขนสีดำ (Black Nazarene) อายุเก่าแก่หลายร้อยปี ไปตามท้องถนนในกรุงมะนิลา โดยทุกคนต่างเบียดเสียดกัน ด้วยหวังว่าจะมีโอกาสเข้าไปสัมผัสเชือกลากรถ หรือการเอาผ้าเช็ดตัวสีขาวไปเช็ดฉาก 4 เหลี่ยมกั้นรูปปั้นพระเยซูบนรถแห่ ซึ่งพวกเขาเชื่อว่า จะนำมาซึ่งความสุข ปราศจากโรคภัยใด ๆ
ทั้งนี้ ในช่วงเช้าก่อนเริ่มขบวนแห่ มีผู้ศรัทธากว่า 2 แสนคนร่วมพิธีมิสซา ถึงช่วงสายเมื่อขบวนแห่เริ่มต้นขึ้น คาดว่ามีชาวฟิลิปปินส์เกือบ 1 แสนคนร่วมในขบวนแห่ และจำนวนผู้คนจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตลอดเส้นทางความยาว 5.8 กิโลเมตร โดยขบวนแห่รูปปั้นพระเยซูสีดำจึงถือเป็นหนึ่งในการแสดงออกถึงความศรัทธาของชาวคาทอลิกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก
ขณะที่ รูปปั้นพระเยซูซึ่งทำด้วยไม้ขนาดเท่าคนจริงองค์นี้ถูกนำมายังกรุงมะนิลาในปี ค.ศ.1607 โดยกลุ่มนักบวชออกัสตัน และประดิษฐานไว้ที่ป้อมปราการเก่าของสเปน มีตำนานเล่าขานว่า ขณะที่นำรูปปั้นพระเยซูมายังฟิลิปปินส์ได้เกิดไฟไหม้ขึ้นบนเรือ และไฟได้เผาผลาญบางส่วนของรูปปั้นจนกลายเป็นสีดำสนิท อย่างไรก็ตาม ยังไม่เคยมีคำอธิบายอย่างเป็นทางการจากคริสตจักรคาทอลิก กว่า 100 ปีต่อมา รูปปั้นพระเยซูจึงถูกย้ายมาประดิษฐานที่โบสถ์กิอาโป และสามารถรอดจากเหตุไฟไหม้ 2 ครั้ง, แผ่นดินไหว 2 ครั้ง ตลอดจนการทิ้งระเบิดของกองทัพญี่ปุ่นในปี ค.ศ.1945
คณะนักบวชออกัสติน(ไม่สวมรองเท้า)ได้นำรูปแกะสลักพระเยซูดำซึ่งทำด้วยไม้สีดำจากเม็กซิโกและมายังฟิลิปปินส์ เมื่อ พ.ศ.2149 และย้ายที่ประดิษฐานเรื่อยมาตามยุคสมัย ปัจจุบันอยู่ที่โบสถ์กิอาโปในกรุงมะนิลา