ห้องข่าวภาคเที่ยง - ดูด้วยตาเปล่า จะไปรู้ได้อย่างไรว่าเส้นด้ายม้วนฝ้ายที่หนักถึงกว่า 1.65 ตัน นี้ จะมียาเสพติดซุกซ่อนอยู่ แต่เพราะการจับกุมขยายผล เลยเจอว่าขบวนการค้ายาเสพติด ใช้วิธีนี้ขนส่งออกนอกประเทศ
บุกเข้าไปค้นในโกดังแบบนี้ ดูยังไงก็ดูไม่ออกจริง ๆ ถ้าไม่ลองสุ่มเอาตัวอย่างฝ้าย ไปเข้าชุดตรวจสอบหาสารเสพติด แล้วขึ้นว่ามีส่วนผสมของสารเสพติด คงยากที่จะบอกได้ว่า นี่แหละคือของกลางในคดีนี้ ที่ตำรวจ และ ป.ป.ส. นำกำลังไปจับกุมผู้ต้องหา 5 คน เครือข่ายไอซ์ข้ามชาติ พร้อมของกลางไอซ์น้ำหนักรวม 1.65 ตัน ซุกซ่อนอยู่ในม้วนฝ้าย (33 ม้วน)
จากการสืบสวนพบว่าเครือข่ายนี้ ลักลอบนำเข้าม้วนฝ้ายจากประเทศอินเดีย แต่กลับใช้ธุรกิจอำพรางนำเข้ายาเสพติดจากทวีปแอฟริกา เพื่อใช้เป็นทางผ่านลำเลียงต่อไปยังประเทศที่สาม เจ้าหน้าที่จึงขยายผลจับกุม หญิงไทย อายุ 30 ปี เป็นผู้ว่าจ้างเปิดบริษัทฯ อำพราง ผู้เช่าโกดังเก็บพักยาเสพติด และประสานงานกับเครือข่ายในต่างประเทศ
นอกจากนี้คดีนี้ พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. ยังร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แถลงผลจับกุมนายพงษ์ศักดิ์ ผู้ต้องหาระดับสั่งการ และประสานงานในการลำเลียงยาเสพติดพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ ขณะเตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ ที่อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ใกล้สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 4 หลังเจ้าหน้าที่มีหลักฐานว่า ผู้ต้องหาอยู่เบื้องหลังการลักลอบลำเลียงยาบ้า 600,000 เม็ด ไอซ์ 41 กิโลกรัม ในพื้นที่ลำปางไปส่งจังหวัดนนทบุรี เมื่อวันที่ 30 ตุลาคมปีที่แล้ว และนำเงินที่ได้จากการค้ายาเสพติดไปลงทุนแปลงสภาพ ก่อนใช้ชื่อคนในครอบครัวถือครอง เจ้าหน้าที่ได้พาตัวไปขยายผลตรวจยึดทรัพย์สินอื่น ๆ ทั้ง รถหรู บ้านพักอาศัย และเปิดคาเฟร้านอาหาร รวม 4 จุด ที่จังหวัดนนทบุรี ปทุมธานี อ่างทอง และ ตาก รวมมูลค่า 20 ล้านบาท ซึ่งทุกคดี ยืนยันว่าจะมีการขยายผลแบบนี้ต่อไป
