ตำรวจไซเบอร์ รวบเอเจนต์บัญชีม้า คดีคอลเซ็นเตอร์หลอกย่าหลาน สารภาพพาคนไปสแกนหน้าที่กัมพูชาเดือนละ 30 คน
สืบเนื่องจากตำรวจไซเบอร์ กก.1 บก.สอท.3 ได้ขยายผลเพิ่มเติมในคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงย่าและหลานชายวัย 17 ปี โอนเงิน 3,412,642 บาท ตามที่ได้นำเสนอข่าวออกไปก่อนหน้านี้ โดยออกหมายจับเพิ่ม 2 ราย และจับกุมเพิ่มอีก 1 ราย พบเป็นคนรับงานจากเอเจนต์จัดหาบัญชีม้าและพาไปสแกนหน้าที่ประเทศกัมพูชา
พ.ต.อ.อภิรักษ์ จำปาศรี ผกก.1 บก.สอท.3 เปิดเผยว่า คดีดังกล่าว ตำรวจไซเบอร์ กก.1 บก.สอท.3 ขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องกับขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์เพิ่มอีก 2 ราย รวมเป็น 11 ราย ซึ่งที่ผ่านมาติดตามจับกุมได้แล้ว 3 ราย รายล่าสุดได้จับกุม นายมารุดฯ หนึ่งในผู้ต้องหาบัญชีม้า ได้ให้การว่า น.ส.พิมพันธ์ฯ เป็นคนพาไปเปิดบัญชีธนาคาร และลงแอปพลิเคชันธนาคารในโทรศัพท์มือถือ จากนั้นจึงให้รถมารับ นายมารุดฯ และคนที่จะไปทำงานสแกนหน้าที่เมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา ผ่านทางด่านตรวจคนเข้าเมืองคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว
ล่าสุดตำรวจไซเบอร์ กก.1 บก.สอท.3 สืบสวนจนทราบว่า น.ส.พิมพันธ์ฯ หลบหนีไปพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ จึงขออนุมัติหมายค้นจากศาลจังหวัดสมุทรปราการเข้าตรวจค้นบ้านพักหลังดังกล่าว และสามารถจับกุม น.ส.พิมพันธ์ฯ ควบคุมตัวไปสอบสวนที่ กก.1 บก.สอท.3
จากการสอบสวนเบื้องต้น น.ส.พิมพันธ์ฯ ให้การว่า มีเอเย่นต์จัดหาบัญชีม้าส่งมาให้ตนเป็นคนพาไปเปิดบัญชี จากนั้นเอเย่นต์ดังกล่าวจะส่งรถมารับคนไปที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองคลองลึก เพื่อพาข้ามไปสแกนหน้าฝั่งปอยเปต โดยทำมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2567 จากคำแนะนำของคนที่รู้จักทางเพจเฟซบุ๊ก ซึ่งในหนึ่งเดือนจะส่งคนไปทำงานที่ฝั่งปอยเปตประมาณ 20 – 30 คน และจากการตรวจสอบจากระบบรับแจ้งความออนไลน์ พบว่ามีคดีที่เกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดของ น.ส.พิมพันธ์ฯ อีกถึง 29 เคสไอดี
ด้าน พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 รรท.ผบก.สอท.3 กล่าวว่า ได้สั่งการให้ตำรวจไซเบอร์ กก.1 บก.สอท.3 สะสางคดีดังกล่าวให้ถึงที่สุด สำหรับผู้ต้องหาตามหมายจับที่ยังหลบหนี ยืนยันว่าจะเร่งติดตามจับกุมมาดำเนินคดีโดยเร็วต่อไป