"โดนัลด์ ทรัมป์" เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ โดยในวันแรกของการทำงานเขาได้ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารหลายฉบับ ตั้งแต่การอภัยโทษ ไปจนถึงการเพิกถอนนโยบายของ "โจ ไบเดน"
นายโดนัลด์ ทรัมป์ เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 47 อย่างเป็นทางการ เมื่อช่วงเที่ยงคืนที่ผ่านมา ตามเวลาในไทย ที่อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งเรียกได้ว่าตั้งแต่นาทีแรกที่เข้ามาทำหน้าที่ผู้นำสหรัฐฯ ก็เกิดการตั้งคำถามต่อการกระทำของผู้นำคนใหม่ หลัง "ทรัมป์" ไม่ยอมวางมือลงบนคัมภีร์ไบเบิลที่นางเมลาเนีย ทรัมป์ สตรีหมายเลขหนึ่ง ถืออยู่ ในขณะที่ "ทรัมป์" กล่าวคำสัตย์ปฏิญาณ ทำเอางงไปตาม ๆ กัน เพราะตามธรรมเนียมแล้ว จะต้องมีการวางมือลงบนคัมภีร์ไบเบิล ซึ่งในการสาบานตนของการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ครั้งแรก เขาก็วางมือลงบนคัมภีร์ไบเบิล ตามปกติ
นอกจากนี้ เขายังกล่าวว่า "เขาถูกช่วยเหลือจากพระเจ้า เพื่อทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง" ซึ่งหมายความถึงการที่เขารอดพ้นจากการลอบสังหารมาได้ถึง 2 ครั้ง
หลังเสร็จสิ้นพิธี ทรัมป์ เดินทางไปพบผู้สนับสนุนที่สนามกีฬาในร่ม "แคปพิตอล วัน อารีนา" เรียกว่าไม่ต้องรอช้า เอาใจคนรักทรัมป์กันไปเต็ม ๆ ด้วยการลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารกันกลางสนามกีฬา ซึ่งคำสั่งแรกของเขาคือการยกเลิกคำสั่งบริหาร 78 ฉบับ สมัยอดีตประธานาธิบดี โจ ไบเดน ตลอดจนโยบายผู้อพยพ, การขยายดินแดนของสหรัฐฯ, เพิ่มการผลิตเชื้อเพลิงฟอสซิล และยกเลิกกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม ท่ามกลางเสียงเชียร์ของผู้สนับสนุน ปิดท้ายด้วยการโยนปากกาที่ใช้ลงนามคำสั่งฯ ให้ผู้สนับสนุนด้วย
จากนั้น ทรัมป์ เดินทางต่อไปยังทำเนียบขาวทันที พุ่งตรงไปยังห้องทำงานรูปไข่ พร้อมกับลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเพิ่มเติมอีกหลายฉบับ ไม่ว่าจะเป็นการอภัยโทษผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกว่า 1,500 คน จากเหตุก่อจลาจลอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564 หลังจาก ทรัมป์ แพ้การเลือกตั้งในครั้งนั้น ตลอดจนประกาศภาวะฉุกเฉินระดับชาติ บริเวณชายแดนสหรัฐฯ - เม็กซิโก เพื่อจัดการกับปัญหาผู้อพยพ และการเนรเทศผู้อพยพครั้งใหญ่, เริ่มกระบวนการถอนตัวจากองค์การอนามัยโลก และการตั้งกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาลอย่างเป็นทางการ ซึ่งมอบหมายให้ "อีลอน มัสก์" กำกับดูแล พร้อมตั้งคณะทำงานอีก 20 คน
ส่วนเรื่องกำแพงภาษี โดยเฉพาะก่อนหน้านี้ที่ ทรัมป์ เคยขู่จะขึ้นกำแพงภาษีจีน 10-60 เปอร์เซ็นต์ แต่ทรัมป์ยังไม่เปิดเผยว่าจะมีการจัดการเรื่องนี้เมื่อไร แต่เขาตอบสั้น ๆ เพียงว่า เขาได้ต่อสายถึงประธานาธิบดี สี จิ้น ผิง ของจีน และมีบทสนทนาที่ดีระหว่างกัน อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ระบุว่าหลายชาติได้ "ขโมยความมั่งคั่ง" ของสหรัฐฯ และอาจมีการออกนโยบาย "กำแพงภาษีถ้วนหน้า" ในอนาคต
ทางฝั่งของอดีตประธานาธิบดี โจ ไบเดน เมื่อช่วงเช้าของวานนี้ (20 ม.ค.) เขาได้รอต้อนรับ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ทำเนียบขาว ก่อนเดินทางไปที่อาคารรัฐสภาสหรัฐฯ พร้อม ๆ กัน นับเป็นการอำลาทำเนียบขาวอย่างเป็นทางการ