“คารม” เผย ครม.อนุมัติหลักการ ร่างแก้ไข กม..ศาลทหาร ยกเลิกศาลทหารจังหวัด กำหนดให้ประชาชนฟ้องคดีอาญา-ยื่นอุทธรณ์ในศาลทหารได้
วันนี้ (21 ม.ค.68) นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงกลาโหม (กห.) เสนอ โดยเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 เสียใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตอำนาจศาลมณฑลทหารฯ นอกจากนี้ ตามพระราชบัญญัติธรรมนูญศาลทหาร พ.ศ. 2498 บัญญัติให้ศาลทหารในเวลาปกติ อัยการทหารหรือผู้เสียหายที่เป็นบุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลเท่านั้น เช่น นายทหาร นักเรียนเตรียมทหาร พลเรือนที่สังกัดอยู่ในราชการทหาร มีสิทธิฟ้องคดีอาญาต่อศาลทหาร แต่ผู้เสียหายซึ่งเป็นบุคคลที่ไม่อยู่ในอำนาจของศาลทหารนั้นไม่มีสิทธิฟ้องคดีอาญาต่อศาลทหารได้ด้วยตนเอง
และกรณีศาลทหารในเวลาไม่ปกติหรือศาลอาญาศึก กฎหมายกำหนดให้อัยการทหารเท่านั้นที่มีสิทธิฟ้องคดีอาญาต่อศาลทหาร รวมถึงห้ามอุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งในคดีอาญาของศาลทหารในเวลาไม่ปกติและศาลอาญาศึกไม่ว่ากรณีใดทั้งสิ้น ดังนั้น เพื่อเป็นการคุ้มครองสิทธิของประชาชนในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้ด้วยตนเอง และสิทธิในการได้รับการพิจารณาทบทวนคำพิพากษาโดยศาลที่สูงกว่า จึงเห็นควรแก้ไขเพิ่มเติมให้ผู้เสียหายซึ่งมิใช่บุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหารสามารถใช้สิทธิในการดำเนินคดีอาญาในศาลทหารได้ด้วยตนเอง ไม่ว่าจะเป็นกรณีศาลทหารในเวลาปกติ และในเวลาไม่ปกติ เว้นแต่ในกรณีศาลอาญาศึกจะเป็นอัยการทหารเท่านั้นที่มีสิทธิฟ้องคดีอาญาต่อศาลได้ รวมทั้งแก้ไขเพิ่มเติมการให้อุทธรณ์คำพิพากษา หรือคำสั่งในคดีอาญาของศาลทหารในเวลาไม่ปกติ เฉพาะกรณีที่มีการประกาศใช้กฎอัยการศึก ซึ่งไม่อยู่ในเวลาที่มีการรบหรือสถานะสงคราม ทั้งนี้ เพื่อคุ้มครองสิทธิของประชาชนในการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมให้สอดคล้องกับข้อบทที่ 14 แห่งกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง
นายคารม กล่าวอีกว่า ร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวมีสาระสำคัญ คือ กำหนดให้ยกเลิกศาลจังหวัดทหาร, กำหนดให้ผู้เสียหายซึ่งมิใช่บุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหาร มีอำนาจเป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญาในศาลทหารได้ และกำหนดให้สามารถอุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลทหาร ในเวลาไม่ปกติกรณีที่มีการประกาศใช้กฎอัยการศึก ซึ่งไม่อยู่ในเวลาที่มีการรบหรือสถานะสงคราม โดยตรงต่อศาลทหารสูงสุดได้