ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดเป็นบวก หลัง ทรัมป์ ยังไม่ประกาศเรื่องกำแพงภาษี ขณะที่ นักการเมืองสหรัฐฯ ออกมาไม่เห็นด้วยกับการลงนามอภัยโทษผู้ก่อเหตุจลาจลอาคารรัฐสภา
ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดเป็นบวก ไม่ว่าจะเป็นดัชนีหุ้นของญี่ปุ่น, ฮ่องกง, เกาหลีใต้ และจีน ขานรับการเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ หลังนักลงทุนโล่งใจที่ผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯ ยังไม่ประกาศ หรือลงนามคำสั่งเรื่องการขึ้นกำแพงภาษี โดยก่อนหน้านี้ ทรัมป์ เคยขู่ว่าจะขึ้นภาษีนำเข้าจากจีน 10-60 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ขณะนี้นักลงทุนยังคงต้องจับตาดูก้าวต่อไปของ ทรัมป์
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า ทรัมป์ จะยังไม่ประกาศขึ้นภาษีจีน แต่เขาก็ส่งสัญญาณว่าอาจมีการขึ้นภาษีศุลกากรจากแคนาดาและเม็กซิโก เป็น 25 เปอร์เซ็นต์ ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์นี้
ขณะที่ แกรี อึง (Gary Ng) นักเศรษฐศาสตร์ของ นาติซิส (Natixis) เผยว่า ยังคงมีปัญหาที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขระหว่างสหรัฐฯ และจีน การไม่บังคับใช้กำแพงภาษีกับจีนในตอนนี้ไม่ได้หมายความว่าจะไม่เกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งหมายความว่าสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับจีนจะยังคงถูกกดดันจากภูมิรัฐศาสตร์และนโยบายภายในประเทศของสหรัฐฯ
ส่วนกรณีที่ ทรัมป์ มีการลงนามอภัยโทษผู้มีส่วนเกี่ยวข้องก่อเหตุจลาจลอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อปี 2564 จำนวนกว่า 1,500 คน ทำให้นักการเมืองหลายคนของสหรัฐฯ ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับการกระทำครั้งนี้ โดยนางแนนซี เพโลซี อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต กล่าวว่า การอภัยโทษครั้งนี้เสมือนเป็นการดูถูกระบบยุติธรรม รวมทั้งเป็นการทอดทิ้งและหักหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้เอาชีวิตเข้าเสี่ยงในการปฏิบัติหน้าที่
ด้าน นายชัค ชูเมอร์ วุฒิสภาสหรัฐฯ กล่าวว่า บุคคลที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดในเหตุการณ์โจมตีอาคารรัฐสภา ไม่ควรได้รับการอภัยโทษ "ไม่ว่าพวกเขาจะก่อเหตุรุนแรงหรือไม่ก็ตาม" เพราะการบุกเข้าไปโดยผิดกฎหมายเพื่อพยายามหยุดยั้งการถ่ายโอนอำนาจอย่างสันติ ถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรง
ขณะเดียวกัน มีรายงานกลุ่มผู้ประท้วงออกมาชุมนุมที่นครนิวยอร์ก รวมทั้งอีกหลายเมือง เพื่อต่อต้านนโยบายต่าง ๆ ของทรัมป์ ไม่ว่าจะเป็นการลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารประกาศภาวะฉุกเฉินระดับชาติบริเวณพรมแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก ตลอดจนยกเลิกการให้สัญชาติกับลูกของผู้อพยพผิดกฎหมายที่เกิดในแผ่นดินสหรัฐฯ ไปจนถึงการปล่อยตัวผู้ก่อจลาจล
ส่วนที่บริเวณนอกสถานทูตสหรัฐฯ ในกรุงเม็กซิโกซิตี ของเม็กซิโก ก็มีการรวมตัวประเทศนโยบายผู้อพยพของทรัมป์ด้วยเช่นกัน โดยผู้ประท้วงได้ทำการตีปิญญาตา (Pinata) ที่ทำเป็นรูปของทรัมป์ ก่อนจะมีการจุดไฟเผา ซึ่งผู้ประท้วงระบุว่า การปิดพรมแดนถือเป็นก้าวถอยหลังครั้งใหญ่ในวิวัฒนาการที่เกิดขึ้นแล้ว
สำหรับประเด็นที่ทรัมป์ต้องการจะเปลี่ยนชื่อ "อ่าวเม็กซิโก" เป็น "อ่าวอเมริกา" ชาวเม็กซิโกเห็นว่าเป็นเรื่องไร้สาระ เพราะไม่ว่าจะอย่างไร อ่าวเม็กซิโกก็จะยังคงเป็นอ่าวเม็กซิโกอยู่วันยังค่ำ อย่างไรก็ตาม แม้ว่า ทรัมป์ จะสั่งการให้สำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาแห่งสหรัฐฯ (USGS) เปลี่ยนชื่อเรียกนี้ได้โดยตรง แต่ชื่อนี้ก็ไม่น่าจะได้รับการรับรองจากนานาชาติ