ชาวไร่อ้อยตัดผลผลิตสด-ขายใบเสริม รายได้ดีกว่าเผา

เกษตรกรหวั่นโดนตัดสิทธิรับเงินช่วยเหลือ 2 ปี ชาวไร่อ้อย นครสวรรค์ ตัดอ้อยสด ขายใบเสริมราคาตันละ 700 บาท รายได้ดีกว่าเผา อ้อยไม่ถูกกดราคา

เกษตรกรชาวไร่อ้อยจังหวัดนครสวรรค์ ตัดใบอ้อยส่งขายสร้างรายได้ หลังจังหวัดประกาศห้ามเผาอ้อยเด็ดขาด หากฝ่าฝืนอาจเข้าข่ายทำผิดกฎหมาย ซึ่งการอัดใบอ้อยนอกจากจะสร้างรายได้เพิ่มแล้วยังช่วยลดค่าฝุ่น PM2.5 ได้อีกด้วย ล่าสุด วันนี้ (22 ม.ค.68) เกษตรกรชาวไร่อ้อยคนหนึ่ง ในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ นำรถตัดมาใช้ตัดอ้อยสดภายในไร่ เพื่อส่งเข้าโรงงาน หลังทางจังหวัดประกาศห้ามเผาระหว่างวันที่ 17 ม.ค. - 31 พ.ค.68 หากผู้ใดมีประวัติการเผาในพื้นที่การเกษตรจะหมดสิทธิ์เข้าร่วมโครงการสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพเกษตรกรทุกโครงการ เป็นระยะเวลา 2 ปี

ขณะเดียวกัน เกษตรกรได้เร่งอัดใบอ้อยส่งขายให้กับแหล่งรับซื้อ เพื่อเป็นทุนสร้างรายได้ทำไร่อ้อยในฤดูกาลถัดไปด้วย

นางเชาวนีย์ ขุนณรงค์ ชาวไร่อ้อยตำบลบ้านมะเกลือ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ เปิดเผยว่า ขณะนี้เกษตรกรที่ทำอ้อยทราบดีถึงมาตรการของภาครัฐ ที่ห้ามเผาอ้อยก่อนตัดส่งเข้าโรงงานน้ำตาล ซึ่งส่วนใหญ่ก็ตัดอ้อยสดส่งขายให้กับโรงงานน้ำตาลในพื้นที่ เพราะกลัวความผิดและจะไม่ได้รับความช่วยเหลือด้านอื่น ๆ จากรัฐบาล จึงได้ปรับเปลี่ยนมาใช้การตัดต้นอ้อยสดแทนการเผา

การตัดอ้อยสดนี้ นอกจากจะช่วยลดมลพิษในอากาศโดยเฉพาะค่าฝุ่น PM2.5 แล้ว ยังสามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาอ้อยไม่ถูกหัก และยังสามารถขายใบอ้อยที่เหลืออยู่ในไร่ได้ หากขายเหมารวมจะอยู่ในราคาไร่ละ 50 บาท แต่ถ้าเกษตรกรนำใบอ้อยไปขายเองจะได้ราคาตันละ 700 บาท ซึ่งสร้างรายได้ดีกว่าการเผาอ้อย

สำหรับค่าฝุ่นในจังหวัดนครสวรรค์ พบว่ายังมีค่าฝุ่นเกินมาตรฐานอยู่ที่ 49.4 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพ และแนะนำให้ประชาชนใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง เช่น หน้ากากป้องกัน PM2.5 ทุกครั้งที่ออกนอกอาคาร ควรจำกัดระยะเวลาในการทำกิจกรรมกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก และสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอ หายใจลำบาก ระคายเคืองตา กลุ่มเสี่ยงควรใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเองและเลี่ยงการทำกิจกรรมหรือออกกำลังกายกลางแจ้งที่ใช้แรงมาก หากมีอาการผิดปกติให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และพบแพทย์ทันที