วันนี้ (22 ต.ค. 68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกษตรกรผู้ปลูกอ้อย 4 จังหวัด คือ บุรีรัมย์ , สุรินทร์ , ศรีสะเกษ และ อุบลราชธานี ร่วมกับสมาคมชาวไร่อ้อยจังหวัดสุรินทร์ ยื่นหนังสื่อถึงนายกรัฐมนตรี ผ่าน นางรัตดา คงสีไพร เกษตรจังหวัดสุรินทร์ ในงานประชุมประจำปีของโรงงานน้ำตาลสุรินทร์ ที่ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ เพื่อให้ลงความเห็นและอนุโลมให้เกษตรกรผู้ปลูกอ้อยแนวชายแดนไทย-กัมพูชา 4 จังหวัด ซึ่งเป็นพื้นที่สีแดงสถานการณ์การความไม่สงบจากการปะทะ เผาอ้อยก่อนตัด เนื้อที่ประมาณ 18,000 ไร่ เป็นกรณีพิเศษ เพราะมั่นใจว่าช่วงมีการปะทะกัน จะมีลูกระเบิด BM-21 ที่ทหารกัมพูชายิงเข้ามาตกลงในไร่อ้อย แต่ระเบิดไม่ทำงานมีอีกเป็นจำนวนมาก เกรงว่าเกษตรกรหรือรถตัดอ้อยที่จะเข้าไปทำงานในช่วงฤดูเก็บเกี่ยวในเดือน ธ.ค. 68 ถึง เม.ย. 69 จะได้รับอันตราย
นางรัตดา กล่าวว่า ปกติเกษตรกรชาวไร่อ้อยไม่อยากเผาอ้อยอยู่แล้ว แต่จากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนที่ผ่านมายอมรับว่าน่าจะมีลูกระเบิดตกลงมาตามไร่อ้อย ซึ่งหากเกษตรกรเข้าไปทำงานก็จะต้องมีความเสี่ยงอยู่แล้ว ถึงแม้ก่อนหน้านี้ ทหาร ตำรวจ และกองพิสูจน์หลักฐานเข้าไปสำรวจในพื้นที่ว่ายังมีลูกระเบิดยังหลงเหลืออยู่หรือไม่ รวมถึงให้สมาคมโดรนเข้าไปบินที่เข้าไปสำรวจร่วมกัน แต่ก็ยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะต้องทำการเผา เพราะเข้าไปสำรวจไร่อ้อยมีลักษณะหนาทึบจะค้นหาได้ยาก แต่จะต้องมีการวางแผนให้ดี
ด้าน นายสมฤทธิ์ เกษตรกรผู้ปลูกอ้อยชาว อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ บอกว่า ตนปลูกอ้อยเพียง 7 ไร่ หลังจากมีการหยุดยิงเจ้าหน้าที่ได้เข้าไปสำรวจแล้ว แจ้งว่าไม่พบมีลูกระเบิดตก แต่ก็ยังกลัวอยู่ดี ก็อยากจะเผาจะได้มองเห็นชัดเจนกว่านี้
ขณะที่ นายศิริชัย ธรรมมา นายกสมาคมชาวไร่อ้อยสุรินทร์ กล่าวว่า หลังจากเกิดสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนและมีการอพยพชาวบ้าน เกษตรกรผู้ปลูกอ้อยได้รับผลกระทบทันที เพราะไม่ได้ไปบำรุงรักษาอ้อยที่ปลูกไว้ ตอนนี้เกษตรกรผู้ปลูกอ้อยต่างหวาดผวา เพราะจะถึงฤดูเก็บเกี่ยวผลผลิตซึ่งจะเริ่มในเดือน ธ.ค. 68 นี้ เกษตรกรต่างไม่มีความมั่นใจ เพราะไม่รู้ว่าในไร่ของตัวเองจะมีระเบิดของกัมพูชาที่ตกลงแล้วไม่แตกมีอีกกี่ลูก
ขณะเดียวกันการสำรวจของเจ้าหน้าที่ตนเชื่อว่าไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ เพราะอ้อยมีลักษณะเป็นป่าทึบ ใช้โดรนบินสำรวจก็ไม่ได้ผลเช่นเดียวกัน สมาคมชาวไร่อ้อยจังหวัดสุรินทร์ จึงมีแนวคิดที่จะเผาอ้อยในโซนสีแดง คือโซนอันตรายซึ่งมีอ้อยอยู่ประมาณ 18,000 ไร่ใน 4 จังหวัดแนวชายแดน เพราะการเผาจะทำให้มองเห็นความผิดปกติชัดเจน สำรวจง่ายกว่า แต่ก็ผิดกฎหมาย ซึ่งมีโทษสูงสุดจำคุก 7 ปี ปรับถึง 140,000 บาท จึงทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีและกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพื่อขออนุโลมผ่อนผันให้มีการเผาอ้อยในส่วนนี้ เชื่อไม่กระทบหรือส่งผลทำให้เกิดฝุ่น PM 2.5 มาก โดยจะแบ่งกันเผาเป็นช่วง ๆ อย่างถูกวิธี อยากให้รัฐบาลเห็นใจเกษตรกรที่จะต้องไปเสี่ยงชีวิตในไร่