เปลี่ยนงานศพ เป็นงานผูกแขน หลังผู้ที่ถูกแจ้งว่าเสียชีวิต ขี่รถกลับบ้าน

เปลี่ยนงานศพ เป็นงานผูกแขน หลังผู้ที่ถูกแจ้งว่าเสียชีวิต ขี่รถกลับบ้าน

View icon 511
วันที่ 23 ม.ค. 2568 | 17.22 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
เปลี่ยนงานศพ เป็นงานผูกแขน หลังครอบครัวรับโทรศัพท์จากตำรวจ แจ้งว่า ลูกชายเสียชีวิต ญาติพี่น้องจึงเตรียมงานศพ ขณะที่ น้องชายผู้เสียชีวิตไปตรวจศพที่ รพ. ปรากฎว่า ไม่ใช่ศพพี่ชาย จังหวะเดียวกัน ครอบครัวโทรศัพท์มาแจ้งว่าพี่ชายขี่ซาเล้งกลับถึงบ้านแล้ว งานศพที่เตรียมไว้ จึงเปลี่ยนมาเป็นงานผูกแขนเรียกขวัญ

วันนี้ (23 ม.ค. 68) ที่บ้านบงเหนือ ต.บงเหนือ อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า เกิดกรณีที่มีญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตรายหนึ่ง ซึ่งได้รับการแจ้งจากจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บรบือ ต.บรบือ อ.บรบือ จ.มหาสารคาม ว่ามีการพบศพชายรายหนึ่ง ถูกพบว่าเสียชีวิตจากอากากาศที่หนาวเย็น เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2568 ในพื้นที่สภ.บรบือ โดยเมื่อตำรวจตรวจสอบรูปพรรณสันฐาน เบื้องต้นพบว่า ตรงกับนายเพชร อายุ 45 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านบงเหนือ ต.บงเหนือ อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร ตำรวจจึงแจ้งให้ญาติทราบ และนำหลักฐานไป เพื่อตรวจสอบ ด้านญาติพี่น้องของนายเพชร ที่ถูกระบุว่าเสียชีวิตนั้น หลังจากทราบข่าวจากตำรวจ เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2568 ได้มีการเตรียมงานศพ จัดสถานที่กางเต็นท์ จัดโต๊ะเก้าอี้สำหรับแขก ทำอาหาร สั่งน้ำดื่ม

ต่อมาเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ส่งร่างดังกล่าวไปตรวจพิสูจน์ที่โรงพยาบาลขอนแก่น เพื่อยืนยันตัวตนอีกครั้ง แต่ว่าน้องชายนายเพชร ตั้งข้อสังเกตว่าบนร่างที่ถูกระบุว่าคือนายเพชร ไม่มีรอยสัก เนื่องจากน้องชายนายเพชรจำได้ว่า นายเพชรมีรอยสักที่ด้านหลัง และขณะนั้นเองญาติพี่น้องที่จังหวัดสกลนคร ได้โทรศัพท์บอกน้องชายนายเพชรว่า นายเพชรกลับมาถึงบ้านแล้ว จึงทราบว่าร่างผู้เสียชีวิตดังกล่าวไม่ใช่ร่างของนายเพชร ตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้ง
      
นายเกศร อายุ 66 ปี พ่อของนายเพชร เล่าว่า ตอนนั้นตำรวจ สภ.บรบือ โทรศัพท์มาแจ้งว่ามีผู้เสียชีวิตชื่อนายเพชร เสียชีวิตอยู่ในป่าละเมาะข้างถนน พร้อมแจ้งบ้านเลขที่ ซึ่งตรงกับบ้านของตน พร้อมทั้งส่งรูปผู้เสียชีวิตมาก็เหมือนกับลูกชายตน ทางเจ้าหน้าที่ตำวจยังแจ้งอีกว่า หากยังไม่มั่นใจว่าใช่นายเพชรที่เป็นลูกชายของตน ก็ให้โทรศัพท์มาตามเบอร์ที่ให้ไว้ จากนั้นลูกชายตนซึ่งกำลังเดินทางมาจากจังหวัดระยอง จึงเดินทางต่อไปเพื่อดูว่าผู้เสียชีวิตใช่พี่ชายหรือไม่ ต่อมาตำรวจได้ส่งศพมาตรวจที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จังหวัดขอนแก่น เมื่อลูกชายเดินทางไปถึงพบว่าศพหน้าตาคล้ายคลึงกันกับนายเพชร แต่สงสัยว่าศพดังกล่าวไม่มีรอยสักที่หลัง ซึ่งนายเพชร มีรอยสักที่บนหลัง จึงคิดว่าผู้เสียชีวิตน่าจะไม่ใช่นายเพชร ปรากฏว่าจู่ๆ นายเพชรก็ขี่ซาเล้งเดินทางกลับมาบ้าน ตนพร้อมญาติพี่น้องก็เฮขึ้น จากงานศพจึงกลายเป็นงานผูกแขนรับขวัญ ซึ่งต่อมาทราบว่า ก่อนหน้าที่นายเพชร เคยไปมีเรื่องมีราวอยู่ในพื้นที่ สภ.บรบือ จึงได้มีการถ่ายรูปทำประวัติไว้ คาดว่าทางตำรวจน่าจะนำชื่อกับประวัตินายเพชร ไปใส่ให้ผู้เสียชีวิต ซึ่งมีหน้าตาคล้ายกันนายเพชร จึงมีการโทรแจ้งดังกล่าว
       
นายเกษตร ยังเล่าต่ออีกว่า นายเพชร ลูกชายตนเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ปกติจะชอบขับรถซาเล้ง ไปเก็บของเก่าขาย เมื่อเจอร้านรับซื้อก็ขายแลกเงินแล้วเดินทางต่อไป ครั้งล่าสุดก่อนที่จะเกิดเหตุนายเพชรได้แจ้งกับตนไว้ว่าจะเดินทางไปที่จังหวัดหนองบัวลำภู ขอนแก่น ร้อยเอ็ด มหาสารคาม ใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์จึงจะกลับมาบ้านที่สกลนคร ซึ่งเมื่อได้รับแจ้งจากตำรวจ สภ.บรบือ จ.มหาสารคาม จึงสงสัยว่าจะเป็นลูกชายตนจริง แต่เมื่อมีการตรวจสอบแล้วพบว่าไม่ใช่ ตนก็รู้สึกดีใจมากที่ลูกชายยังมีชีวิตอยู่ เพราะภรรยาตนเสียชีวิตไปนานแล้ว ก็ใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านกับนายเพชรลูกชายคนเล็กแค่ 2 คน ส่วนค่าจัดเตรียมงานศพที่ใช้จ่ายไปประมาณ 10,000 บาท ตนและญาติพี่น้องถือว่าเป็นการฟาดเคราะห์รับขวัญที่ลูกชายยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งสำหรับสถานที่จัดงานที่ก็กำลังทยอยจัดเก็บ ทั้งเต็นท์ โต๊ะ เก้าอี้ ลังน้ำแข็ง เพื่อนำส่งคืนวัด
     
นายสมหมาย อาสาสมัครตำรวจบ้านบงเหนือ ต.บงเหนือ อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร เล่าว่า นายเพชรใช้ชีวิตเดินทางไปเรื่อย ไม่ค่อยอยู่บ้าน ถ้าอยู่ในหมู่บ้าน ก็จะไปอาศัยกินนอนอยู่ที่วัดในหมู่บ้าน เป็นคนเงียบๆ ไม่เคยมีเรื่องมีราวกับใครกับใคร ทั้งหมู่บ้านก็รู้จักนายเพชรเป็นอย่างดี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง