ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 24 ม.ค. 68 ที่ผ่านมา พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.ธีระเดช อธิภัคกุล รรท.ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร และ เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบนครบาล กก.สส.2 บก.สส.บช.น ร่วมกันจับกุม นายภัทรกร อายุ 28 ปี ในข้อหา มีอาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืน ที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย สามารถจับกุมได้ที่ ซอยสันติปรีชา ต.ดอนไก่ดี อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร
นอกจากนี้ตรวจยึดของกลาง อาวุธปืน(M 79) จำนวน 1 กระบอก , อาวุธปืนอากา จำนวน 6 กระบอก , แมกกาซีน จำนวน 17 อัน ,เครื่องกระสุนปืนขนาด 7.62 มม. จำนวนประมาณ 8,000 นัด , เครื่องกระสุนปืนขนาด M 60 จำนวน ประมาณ 500 นัด
พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้กำชับสั่งการให้ระดมกวาดล้างผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้างรวมทั้งกวาดล้างผู้ที่ลักลอบค้าอาวุธปืน อาวุธสงคราม และเครื่องกระสุนปืน ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล นำโดย พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. สั่งการให้สืบสวนหาข่าวกลุ่มผู้ค้าลักลอบขายปืนเถื่อนรายใหญ่เพื่อป้องกันและปราบปรามผู้กระทำความผิดในพื้นที่
ต่อมา เจ้าหน้าที่ กก.สส.2 บก.สส.บช.น ได้เฝ้าติดตามแก๊งค้าอาวุธสงครามมาเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากก่อนหน้านี้ทางตำรวจสืบนครบาลได้มีการเข้าตรวจค้นที่บ้านพักของผู้ต้องหาคนดังกล่าวแต่ไม่พบของกลาง ซึ่งจากการตรวจสอบประวัติพบเคยถูกแจ้งข้อหาการครอบครองอาวุธปืนผิดกฎหมาย ในพื้นที่ สภ.ไทรน้อย จ.นนทบุรี จึงได้ติดตามสืบสวนแก๊งค้าอาวุปืนกลุ่มนี้
กระทั่งทราบว่าในวันที่ 24 ม.ค. 68 ช่วงเวลากลางคืนจะมีการลักลอบขนอาวุธปืนสงคราม เพื่อนำมาจำหน่ายจึงได้มีการติดตามสะกดรอยตามแก๊งดังกล่าวพบรถต้องสงสัย 2 คัน จอดอยู่บริเวณดังกล่าว ชุดสืบสวนจึงเข้าตรวจค้นภายในรถพบอาวุธปืน อาวุธสงครามเป็นจำนวนมาก มีการทำสีพ่นใหม่และอยู่ในสภาพใช้การได้
จากการสอบปากคำผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า รับอาวุธปืนทั้งหมดมาจากบริเวณอรัญประเทศก่อนจะนำเข้ามายังจุดพักในกระทุ่มแบนซึ่งเป็นสถานที่ที่เตรียมไว้ และจะนำส่งขายต่อไปยังปลายทาง โดยก่อนหน้านี้เคยลักลอบขนสิ่งของผิดกฎหมายเข้ามาแล้วประมาณ 2-3 ครั้ง ได้ค่าจ้างครั้งละ 20,000 บาท สำหรับช่องทางการขายนั้นเป็นการติดต่อโดยตรงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ราคาขายอยู่ที่ราคา 40,000 - 60,000 บาท อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ทางตำรวจการขยายผลสืบสวนเพื่อหาตัวการผู้อยู่เบื้องหลังต่อไป