โรม โล่งใจ ศาลยกฟ้องคดีหมิ่นประมาท สว.อุปกิต เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน หลังจากนี้ ขอโฟกัสปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยังไม่ตัดสินใจฟ้องกลับ รอลุ้นอุทธรณ์หรือไม่
วันนี้ (31 ม.ค.68) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อ.468/2566 ที่นายอุปกิต ปาจรียางกูร อดีต สว.เป็นโจทก์ฟ้อง นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน (ปชน.) เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณาฯ พร้อมเรียกค่าเสียหายจำนวนม100 ล้านบาท จำเลยให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว
โดยวันนี้ นายรังสิมันต์ เดินทางมาศาล พร้อมนายเดชา ยิ้มอำนวย ทนายความ เมื่อถึงเวลานัด ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษา โดยศาลอ่านคำพิพากษาประมาณ 40 นาที พิพากษายกฟ้อง นายรังสิมันต์
ภายหลังฟังคำพิพากษา นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ถือเป็นข่าวดีของตนที่ศาลพิพากษายกฟ้อง ตนยืนยันว่าในคำพิพากษาข้อเท็จจริงที่ตนได้พูดออกไปเป็นไปตามสำนวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลังจากนี้คดีความที่เกี่ยวข้องกับนายอุปกิตถือว่าจบไปอีกเรื่อง แต่จะต้องดูต่อไปว่าเมื่อคำพิพากษาออกมาแบบนี้นายอุปกิตจะยื่นอุทธรณ์หรือไม่
เมื่อถามว่า หลังจากนี้จะให้ทนายความส่วนตัว ยื่นฟ้องนายอุปกิตหรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตอนนี้ตนยังไม่คิดถึงเรื่องนั้น แต่เบื้องต้นคดีที่เกี่ยวข้องกับนายอุปกิตยังมีอยู่อีก 1 คดีที่จะนัดสืบพยานในช่วงเดือน เม.ย.นี้ ต้องรอดูว่าจะออกมาในรูปแบบไหนและตนยังไม่ตัดสินใจเรื่องนี้ เพราะอยากโฟกัสกับเรื่องที่เป็นปัญหาของพี่น้องประชาชนจริง ๆ อย่างการระบาดของแก๊งคอลเซ็นเตอร์มากกว่า ตนอยากฝากสื่อมวลชนให้ติดตามประเด็นนี้ อย่าให้เงียบหายไปเหมือนอีกหลาย ๆ เรื่อง เพราะถ้าเรื่องนี้เงียบหายไปก็เป็นปัญหาสังคมที่คาราคาซังเหมือนกับปัญหาอื่น ๆ ในประเทศไทยที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข
ด้านนายเดชา กล่าวเสริมว่า ตนเชื่อว่าหลังจากนี้การฟ้องคดีหมิ่นต่าง ๆ ถึงแม้จะยังไม่มีการแก้พิจารณาความอาญาให้ศาลพิจารณาคดี แต่ถ้าศาลยึดจากคำพิพากษาจะออกมาแนวเดียวกันว่า การเป็นบุคคลสาธารณะที่ประชาชนสามารถตรวจสอบได้ก็จะทำให้บ้านเมืองดีขึ้น และในอนาคตถ้าจะมีการฟ้องหมิ่นประมาท ผู้ที่ต้องการจะฟ้องต้องคิดให้ดีว่าเป็นบุคคลที่ประชาชนหรือบุคคลทั่วไปสามารถตรวจสอบได้หรือไม่ และการทำหน้าที่ของนักการเมืองซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะ ตนมองว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะต้องคำนึงถึงจริยธรรมของตนเองมากขึ้น