สาวไทย ย้อนกลับไปทำงานเดิม ร้องไห้อยากกลับบ้าน คราวนี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เรียกเงินไถ่ตัว 1 พันดอลลาร์

สาวไทย ย้อนกลับไปทำงานเดิม ร้องไห้อยากกลับบ้าน คราวนี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ เรียกเงินไถ่ตัว 1 พันดอลลาร์

View icon 216
วันที่ 5 ก.พ. 2568 | 16.01 น.
ข่าวออนไลน์7HD
แชร์
สาวบัญชีม้า โทรหาตาร้องไห้อยากกลับบ้าน ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์เรียกเงินไถ่ตัว 1 พันดอลลาร์สหรัฐ ตาไม่มีเงิน ปรึกษาตำรวจหาทางช่วย แปลกใจหลานกลับไปทำงานเดิม

จากกรณี น.ส.บุษรา หรือโบ๊ท อายุ 18 ปี ไปทำงานอยู่กับแก็งคอลเซ็นเตอร์ ที่เมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา จนมีหมายจับคดีบัญชีม้า เมื่อตำรวจติดต่อผ่านนายบุญกอง อายุ 68 ปี ตาของน.ส.โบ๊ท โดย น.ส.โบ๊ท ได้โทรศัพท์กลับมาร้องไห้อยากจะกลับบ้าน แต่กลัวติดคุก และเงินเดือนถูกหักไม่เหลือ ล่าสุดปักหมุดว่าอยู่ที่เมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา และยังไม่ได้ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทำร้ายร่างกาย แต่ต้องจ่ายเงิน 1,000 ดอลล่าร์สหรัฐ ถึงจะยอมปล่อยตัว

ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (5 ก.พ.68) ที่ห้องประชุม ที่ว่าการอำเภอไชยวาน จ.อุดรธานี นายบัณฑูร นริศรางกูร นายอำเภอไชยวาน ร่วมกับ พ.ต.อ.รัฐพลชัย เพ็ญสงคราม ผกก.สภ.ไชยวาน เชิญนายบุญกอง ตาของ น.ส.โบ๊ท มาให้ข้อมูลอีกครั้ง เพื่อหาทางช่วยเหลือกลับบ้านเกิด เบื้องต้นได้ร่วมกันเก็บข้อมูลและวิเคราะห์แนวทางการช่วยเหลือ ซึ่งจะให้นายบุญกองร้องเรียนตามขั้นตอน ผ่านฝ่ายปกครองกับ สนง.ศูนย์ดำรงธรรม อ.ไชยวาน เพื่อส่งถึงสำนักนายกรัฐมนตรี

นายบัณฑูร เปิดเผยว่า หลังได้รับรายงานเรื่องนี้ เราก็ทำทุกวิถีทาง ประสานหน่วยงานที่มีอำนาจ เพื่อนำตัว น.ส.โบ๊ท กลับมาที่ประเทศไทยอย่างปลอดภัยก่อน ส่วนหมายจับที่มีอยู่ก็ต้องดำเนินการไปตามหลักฐาน จะผิดหรือถูกก็ว่ากันไป ตรงนี้เป็นคนละเรื่องกัน เราต้องเอาตัวเขาที่ถูกกักขังกลับมาประเทศไทยก่อน

ด้าน พ.ต.อ.รัฐพลชัย เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ได้ส่งข้อมูลทั้งหมดให้ผู้บังคับบัญชาได้รับทราบแล้ว ซึ่งก็จะมีการส่งเข้า ตร.ต่อไปตามลำดับขั้นตอน ในส่วนของตำรวจจะยังไม่ประชุมติดตามเรื่องนี้ เนื่องจากเหตุเกิดขึ้นนอกราชอาณาจักร ไม่ได้เกิดในพื้นที่ แต่เมื่อเป็นประชาชนคนไทย เราก็ต้องเร่งดำเนินการช่วยเหลืออย่างเต็มที่อยู่แล้ว จะผิดหรือถูกก็ค่อยมาว่ากันอีกครั้ง โดยหลังจากนายบุญกอง ร้องเรียนผ่านศูนย์ดำรงธรรมแล้ว ก็จะเร่งประสาน สนง.พมจ.อุดรธานี เพื่อช่วยเหลืออีกช่องทางหนึ่ง

ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านของนายบุญกองอีกครั้ง โดยมี น.ส.บุปผา อรกุล ผู้ใหญ่บ้านบ้านนพแก้ว ม.10 ต.โพนสูง เข้าร่วมพูดคุยและให้กำลังใจครอบครัวของนายบุญกอง โดยนายบุญกอง ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เมื่อคืนนี้ประมาณ 23.00 น. หลานสาวโทรกลับมาหาอีกครั้ง ย้ำว่าหากโอนเงินให้แก็งคอลเซ็นเตอร์ 1,000 ดอลล่าร์สหรัฐ หรือประมาณ 3 หมื่นกว่าบาท จะถูกปล่อยตัวทันที แต่ตนก็บอกหลานว่าตอนนี้ไม่มีเงิน ขอเวลาอีก 2 – 3 วันได้หรือไม่ หลานก็บอกว่าจะคุยกับเขาอีกที “หลานบอกว่าตากับยายไม่ต้องเป็นห่วง ยังปลอดภัยดี แต่ยืนยันว่าอยากกลับบ้าน เพราะทำงานไปก็ไม่ได้เงิน ตนก็ยังไม่รู้ว่าหลานกลับไปทำงานที่นั่นอีกทำไม กลับออกมาได้รอบหนึ่งแล้ว ทำไมต้องย้อนกลับไปอีก

จากนี้จะนำเรื่องเงินไถ่ตัวไปปรึกษาตำรวจก่อนว่าควรโอนเงินไถ่ตัวหลานหรือไม่ หรือตำรวจมีวิธีอื่นช่วยแบบไหน หากต้องช่วยจริงอาจจะต้องยืมเงินมา หรือแย่กว่านั้น ก็ให้หลานเผชิญชะตากรรมเอง เพราะตนไม่มีเงินจริงๆ แต่หากกลับมาได้แล้วถูกดำเนินคดีก็ให้ว่ากันไปตามกฎหมาย คนทำผิดก็ต้องรับโทษ หากไม่ผิดก็ต้องมาพิสูจน์กันตามขั้นตอน

ขณะที่ น.ส.บุปผา ให้ข้อมูลว่า ตำรวจประสานข้อมูลมาว่าลูกบ้านมีหมายจับคดีบัญชีม้า ตนก็พาตำรวจมาที่บ้านเพื่อติดหมาย เมื่อมาถึงสอบถามก็เป็นไปตามเรื่องที่เกิดขึ้น ตนก็ยังแปลกใจอยู่ว่า เขากลับมาได้แล้ว ทำไมต้องกลับไปอีก รู้ทั้งรู้ว่ามันผิดกฎหมาย และมันน่ากลัวขนาดไหน ก็ยังจะย้อนกลับไปอีก ได้แต่เอาใจช่วยลูกบ้าน จะผิดถูกอย่างไรขอให้คนของเรากลับมาบ้านก่อน แล้วมาสู้กันต่อในคดี