บิ๊กอ้วน โต้ข่าวเมียนมาปิดด่านชายแดน ยืนยันก่อนตัดไฟฟ้ารัฐบาลคุยกับทางการเมียนมาแล้ว ชี้เป็นภัยความมั่นคงวางกรอบตัดไฟ 6 เดือน อยากสบายขึ้น ก็ต้องรีบจัดการเอาแก๊งคอลเซนเตอร์ออกไป
วันนี้ (7 ก.พ.68) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าว รัฐบาลเมียนมาโต้กลับรัฐบาลไทย ปิดด่านชายแดน บริเวณสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 (ด่านพรมแดนแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก) โดยปฏิเสธไม่ให้ผู้ที่ถือหนังสือเดินทาง หรือ พาสปอร์ต ข้ามแดนมายังประเทศไทยว่า ไม่น่าจะมีการตอบโต้ เพราะการดำเนินมาตรการนี้ ได้พูดคุยกับรัฐบาลเมียนมาก่อนแล้ว ซึ่งไม่ได้เป็นการพูดคุยแค่คืนวันนั้น แต่เคยพูดคุยกันมาก่อนแล้วที่จะต้องร่วมมือกัน และภายหลังมีมติจากที่ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ทางกระทรวงการต่างประเทศได้ประสานไปยังทางการเมียนมา เช่นเดียวกันกับฝ่ายทหารก็ได้มีการพูดคุยกับฝ่ายความมั่นคงของทางการเมียนมา
นายภูมิธรรม ยืนยันว่า การเข้าออกบริเวณด่านสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 1 (แม่สาย-ท่าขี้เหล็ก) ยังเข้าออกได้ตามปกติ แต่ต้องมีการควบคุมสินค้าที่เป็นสิทธิต้องห้าม เช่นวันนี้ รถยนต์ และรถจักรยานยนต์ ยังสามารถเข้ามาเติมน้ำมันในประเทศไทยได้ ซึ่งเรายังอะลุ่มอล่วยเพื่อไม่ให้กระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ ขณะที่โรงพยาบาลเมียวดี ก็ได้ประสานไปว่า หากมีผู้ป่วยฉุกเฉิน ที่ต้องการความช่วยเหลือ โรงพยาบาลแม่สอดก็พร้อมที่จะรับมาดูแลรักษา ยืนยันว่า ยังข้ามไปได้ไม่มีปัญหา แต่อยู่ภายใต้การตรวจสอบที่เข้มข้นขึ้น
เมื่อถามว่า การออกมาตรการตัดไฟฟ้าได้พูดคุยกับรัฐบาลเมียนมาก่อน ซึ่งทางการเมียนมาติดใจอะไรหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ได้แจ้งให้ทราบ แต่ทั้งสองฝ่ายต้องเคารพอำนาจอธิปไตย ซึ่งตอนนี้เรายังไม่ได้เข้าไปในประเทศเขา เพียงแต่เป็นการตัดไฟฟ้า และดูกฎหมายธุรกิจที่เป็นข้อห้ามแล้ว และได้แจ้งทางการเมียนมาแล้ว ซึ่งข้อสัญญาที่ตกลงกันก็ได้เขียนไว้แล้วว่า หากเป็นภัยความมั่นคง ก็สามารถงดจ่าย หรือตัดไฟฟ้าได้เลย
ส่วนมาตรการดังกล่าวจะยาวนานหรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ขึ้นอยู่กับผลสัมฤทธิ์จะเกิดขึ้น โดยเราต้องการกดดันให้มีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเบื้องต้นวางกรอบเวลาไว้ประมาณ 6 เดือน และดูว่า ช่วงไตรมาสแรกจะเป็นอย่างไร ซึ่งยังต้องดูผลกระทบ และตัดสินใจ เพราะเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก เป็นเรื่องที่กระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เรื่องของมนุษยธรรม และความปลอดภัยของประชาชนด้วย ซึ่งการจะผ่อนคลายทุกอย่าง ก็ต้องตอบโจทย์เราด้วย เป็นเรื่องที่เมียนมา ต้องไปกดดันให้เอาแก๊งคอลเซนเตอร์ออกไป เพราะเป้าหมายของเราชัดเจน หากเขาอยากสบายขึ้น ก็ต้องรีบดำเนินการ
ส่วนการปิดด่านไม่น่าจะเกิดขึ้นใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า อาจจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งตอบแทนเขาไม่ได้ แต่คิดว่า หากปิดจริง เขาจะลำบากกว่าเรา
ขณะที่เกณฑ์ในการวัดผลสัมฤทธิ์ในการพิจารณาขยายหรือไม่ขยายมาตรการ นายภูมิธรรม ระบุว่า ต้องทำให้เห็นว่า แก๊งคอลเซนเตอร์ ต้องมีกระบวนการที่ลดลง และดูการข่าวว่า มีการเคลื่อนย้าย หรือเปลี่ยนแปลงไปแล้วหรือยัง หากยังอยู่ก็จะต้องดำเนินมาตรการต่อไป เพราะภารกิจนี้เป็นภารกิจของประเทศ และของโลก ดังนั้นต้องดำเนินการ และเหนือสิ่งอื่นใดคือคนในประเทศไทยเราต้องปลอดภัย
ส่วนได้ประเมินหรือไม่ว่า แก๊งคอลเซนเตอร์จะสายป่านยาวขนาดไหน นายภูมิธรรม ระบุว่า ไม่ได้ประเมิน เดี๋ยวดูว่าจะทำได้หรือไม่ได้แค่ไหน ซึ่งขณะนี้มีการเกี่ยวพันกับเครือข่ายต่าง ๆ สายป่านจะยาวหรือไม่ ตนไม่รู้ พร้อมย้ำว่า เราสามารถแก้ไขปัญหาตามทัน ไม่ต้องห่วง หลายอย่างมาพูดทางสื่อไม่ได้