วันนี้ (8 ก.พ. 68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการเดินทางเข้าออกของประชาชนระหว่างแม่สายกับท่าขี้เหล็ก ที่สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 1 ยังคงเป็นไปตามปกติ แม้ว่าจากภาพจะพบว่าปริมาณรถที่ข้ามที่มาจากฝั่งท่าขี้เหล็กจะมีการต่อแถวเข้าคิวกันยาว เพื่อข้ามมาหาซื้อสินค้าต่าง ๆ
โดยสินค้าที่ชาวเมียนมาต้องการและต้องข้ามมาหาซื้อจากฝั่งแม่สายจะเป็นประเภทแบตเตอรี่สำรองและเครื่องปั่นไฟ ขณะที่ความเคลื่อนไหวประท้วงมาตรการของทางการไทยของประชาชนในท่าขี้เหล็กจากการตรวจสอบไม่พบกระแสดังกล่าวแต่อย่างใด
ส่วนที่มีการงดจ่ายกระแสไฟจากฝั่งแม่สายไปท่าขี้เหล็กตั้งแต่วันที่ (5 ก.พ. 68) นั้น ล่าสุดมีรายงานว่าไฟฟ้าจากลาวจากเดิมที่เคยมีจ่ายให้เกือบ 30 เมกะวัตต์นั้น ได้ลดลงเหลือประมาณ 13 เมกะวัตต์เท่านั้น ทำให้ทางการเมียนมาแก้ไขปัญหาด้วยการแบ่งพื้นที่ออกเป็นโซน ๆ เพื่อจ่ายไฟเป็นเวลาสลับให้แต่ละโซน อย่างเช่น เวลา 16.00-21.00 จ่ายไฟให้โซน A ทำให้โซน B ไม่มีไฟใช้, ส่วนเวลา 21.00-01.00 น. จะสลับไปจ่ายไฟให้โซน B ซึ่งการสลับพื้นที่จ่ายไฟทำให้ผู้ใช้ไฟที่มีฐานะดีได้หาซื้อแหล่งไฟสำรองจากฝั่งแม่สายเพื่อนำไปใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็น
ส่วนปัญหาเรื่องน้ำมันที่ไม่มีการข้ามไปจากฝั่งแม่สายนั้น พบว่าวันนี้ปั๊มน้ำมันในท่าขี้เหล็กยังคงเปิดบริการให้กับประชาชนตามปกติ แต่ว่ามีการจำกัดจำนวนให้เหมาะสม เพื่อเป็นการกระจายน้ำมันให้กับผู้ต้องการอย่างทั่วถึง
ทั้งนี้น้ำมันที่เข้าไปทดแทนน้ำมันจากไทยเชื่อว่าเป็นน้ำมันที่มาจากจีน ส่งเข้าเมียนมาผ่านชายแดนจีน-เมียนมา ลงทางเชียงตุงแล้วเข้ามาที่ท่าขี้เหล็ก ส่วนรถน้ำมันจากฝั่งไทยมีรายงานว่าวันนี้เข้าไปได้ 2-3 คัน เนื่องจากเป็นน้ำมันที่ทำเรื่องไว้ก่อนที่จะมีการประกาศห้าม ส่วนรถบรรทุกน้ำมันอีกกว่า 40 คันที่จอดอยู่ ณ จุดพักรถ ยังคงจอดรออยู่เช่นเดิม
